รูปแบบการจัดการศึกษาโดยครอบครัวสำหรับบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ

A Management Model of Home School for Persons with Special Needs

Name: พิมพ์มณี แก้วมหาวงศ์

ThaSH: การศึกษา -- การมีส่วนร่วมของบิดามารดา

ThaSH: โรงเรียน -- การบริหาร

ThaSH: โรงเรียน -- การมีส่วนร่วมของบิดามารดา

ThaSH: การจัดการศึกษาโดยครอบครัว

Abstract: การวิจัยเรื่อง รูปแบบการจัดการศึกษาโดยครอบครัวสำหรับบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพและปัญหาในการจัดการศึกษาโดยครอบครัวสำหรับบุคคลที่มีความต้องการพิเศษในปัจจุบัน 2) พัฒนารูปแบบการจัดการศึกษาโดยครอบครัวสำหรับบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ โดยใช้การมีส่วนร่วมของเครือข่ายสนับสนุนการจัดการและ 3) ตรวจสอบรูปแบบการจัดการศึกษาโดยครอบครัวสำหรับบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ โดยใช้การมีส่วนร่วมของเครือข่ายสนับสนุนการจัดการ การวิจัยในครั้งนี้ มี 3 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาสภาพและความต้องการในการพัฒนาบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ ผู้ให้ข้อมูลสำคัญในการสัมภาษณ์ ได้แก่ กลุ่มผู้มีประสบการณ์ในการจัดการศึกษาโดยครอบครัว จำนวน 6 ครอบครัว ขั้นตอนที่ 2 ร่างรูปแบบการจัดการศึกษาโดยครอบครัวสำหรับบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ (1) สอบถามความคิดเห็นของผู้ให้ข้อมูลโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจงจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่มีประสบการณ์ในการจัดการศึกษาโดยครอบครัวสำหรับบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ จำนวน 7 คน เกี่ยวกับกระบวนการจัดการศึกษาเพื่อเป็นข้อมูลในการจัดทำรูปแบบ (2) สอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาและแนวทางการจัดการศึกษา กลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้องด้วยแบบสอบถาม จำนวน 80 คน ได้แก่ ผู้จัดการศึกษาโดยครอบครัว จำนวน 46 คน ที่จดทะเบียนกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ศึกษานิเทศก์ จำนวน 5 คน ครูการศึกษาพิเศษ จำนวน 24 คน ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 2 คน และนักจิตวิทยา/นักบำบัด จำนวน 3 คน เพื่อวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของรูปแบบการจัดการศึกษาโดยครอบครัวสำหรับบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย (X ̅) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) รวบรวมข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ร่างรูปแบบการจัดการศึกษาโดยครอบครัวสำหรับบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ ประกอบด้วย 1) ส่วนนำ 2) องค์ประกอบของรูปแบบการจัดการศึกษาโดยครอบครัวสำหรับบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ 3) เงื่อนไขสู่ความสำเร็จ 4) ตัวชี้วัดความสำเร็จ จัดทำเป็นเอกสารสำหรับการสนทนากลุ่มเพื่อตรวจสอบรูปแบบของผู้ทรงคุณวุฒิในขั้นตอนต่อไป ขั้นตอนที่ 3 ตรวจสอบความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของรูปแบบการจัดการศึกษาโดยครอบครัวสำหรับบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ โดยการสนทนากลุ่ม ผู้ให้ข้อมูลในการสนทนากลุ่ม จำนวน 7 คน ได้แก่ 1) ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ 2) ผู้บริหารสถานศึกษา 3) ผู้บริหารของกระทรวงศึกษาธิการ 4) ผู้ปกครองนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษที่จัดการศึกษาโดยครอบครัว ใช้การวิเคราะห์ข้อมูล และตรวจสอบรูปแบบโดยการใช้ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย (X ̅) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ผลการวิจัย พบว่า 1. สภาพการจัดการศึกษาโดยครอบครัวสำหรับบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ มีสาเหตุจากปัญหาทางร่างกายที่ไม่สามารถสนองต่อการเรียนการสอนในโรงเรียนปกติ ความสามารถทางสติปัญญาที่ไม่เท่าทันกับผู้เรียนปกติ สภาพอารมณ์ของผู้เรียนที่ผู้สอนไม่สามารถควบคุมหรือมีเวลาให้ความสนใจได้อย่างเป็นพิเศษ ผู้เรียนมีความบกพร่องและสามารถเรียนรวมได้ในโรงเรียนปกติ แต่มีปัญหาทางด้านการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม 2. การเตรียมความพร้อมก่อนการจัดการศึกษาโดยครอบครัวสำหรับบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ ขึ้นอยู่กับสภาพความบกพร่องของผู้เรียน ซึ่งพบว่า มี 2 ด้าน คือ 1) ด้านร่างกาย เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง สุขภาพไม่แข็งแรง หรือพัฒนาการช้ากว่าผู้เรียนปกติและ 2) ผู้เรียนที่มีปัญหาทางการเรียนรู้จากความผิดปกติทางสมอง 3. แบบกระบวนการจัดการศึกษาโดยครอบครัวสำหรับบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ มีทั้งที่พ่อแม่จัดการเอง และเข้าร่วมจัดกับกลุ่มครอบครัว หรือโรงเรียนที่จัดการศึกษาเฉพาะความพิการ โดยที่ครอบคลุมเนื้อหาสาระ ทั้ง 3 ด้าน คือ 1) กลุ่มเนื้อหาทางด้านวิชาการ ทั้ง 8 กลุ่มสาระ 2) ด้านกิจกรรมส่งเสริมคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 3) ด้านการส่งเสริมอาชีพ ผู้ปกครองจะสังเกตความสามารถพิเศษของผู้เรียนและฝึกฝนทักษะให้ผู้เรียนมีความรู้และเทคนิคเพิ่มขึ้นหรือความชอบของผู้เรียน 4. สภาพปัญหาและความต้องการในการจัดการศึกษาโดยครอบครัวสำหรับบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ ที่ส่งผลต่อการพัฒนาการศึกษาโดยครอบครัวสำหรับบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ แบ่งเป็น 3 ส่วนที่สำคัญ คือ 1) ผู้จัดการศึกษาโดยครอบครัวสำหรับบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ ขาดความรู้ความเข้าใจในการออกแบบหลักสูตรและประเมินผลได้อย่างเหมาะสม 2) หลักสูตรยังขาดตัวชี้วัดและระเบียบการวัดและประเมินผลที่ชัดเจน และเหมาะสมกับการพัฒนาผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษ แต่ละด้าน 3) บุคลากรภาครัฐขาดความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการจัดการศึกษาโดยครอบครัวสำหรับบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ และความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษเฉพาะด้าน 5. รูปแบบการจัดการศึกษาโดยครอบครัวสำหรับบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเป็นรูปแบบที่มีคุณภาพได้ผ่านการประเมินความเหมาะสมจากผู้ทรงคุณวุฒิแล้ว องค์ประกอบของรูปแบบประกอบด้วย 1) การดำเนินการ มีองค์ประกอบย่อย ได้แก่ การเตรียมความพร้อมของผู้จัดการศึกษา การเตรียมความพร้อมของผู้เรียน กระบวนการจัดการศึกษาและส่งเสริมความรู้ ทักษะ และกระบวนการ และกระบวนการวัดและประเมินผลผู้เรียน 2) เครือข่ายในการจัดการศึกษาโดยครอบครัวสำหรับบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ ได้แก่ ผู้จัดการศึกษาหน่วยงานที่ดำเนินการจัดการศึกษาโดยครอบครัว แพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ ครูการศึกษาพิเศษ โรงเรียนที่จัดการศึกษาสำหรับผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษ ชุมชนและเครือข่ายทางสังคม และสมาคมบ้านเรียนไทย เงื่อนไขสู่ความสำเร็จ ได้แก่ การดำเนินงานตามบทบาทหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐ ต้องมีระบบการดำเนินการที่ชัดเจน กฎหมายต่างๆ ที่ครอบคลุม เป็นรูปธรรมสามารถนำไปสนับสนุนการเรียนรู้ในผู้เรียนกลุ่มนี้ได้อย่างยืดหยุ่น และเจ้าหน้าที่ควรดำเนินการให้ครอบคลุมกับแนวทางการดำเนินการตามบทบาทหน้าที่ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ตัวชี้วัดความสำเร็จประกอบด้วย 1) แผนการจัดการศึกษาของครอบครัวควรมีลักษณะเป็นแผนการศึกษาเฉพาะตัวผู้เรียนเป็นรายบุคคลในแต่ละช่วง ที่ครอบครัวกำหนด หลักการ กรอบแนวทางในประเด็นที่มีความจำเป็นและสำคัญในแต่ละช่วงระยะของระดับการศึกษาที่จัดให้ผู้เรียน 2) แผนการเปลี่ยนผ่านเพื่อรับบริการใหม่ การจัดหาที่เรียนใหม่ การเข้าสู่การประกอบอาชีพ ระยะเปลี่ยนผ่านที่มีประสิทธิภาพจะก่อให้เกิดประโยชน์สำหรับผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ This study on home schooling model for persons with special needs possessed the main purposes as follows: 1) To investigate current conditions and obstacles about organizing home schooling tor persons with special needs 2) To develop a home schooling model for persons with special needs in cooperation with a network of education-supporting organizers 3) To verify home schooling model for persons with special needs in cooperation with network 01 education-supporting organizers. The study was conducted in 3 major procedures as follows. The first phase was to investigate exiling conditions and requirements for educating persons with special needs. The key informants consisted of 6 homeschooling-experienced persons to provide information regarding the current situations about organizing home schooling for persons win, special needs. The second phase was to develop a draft management model of home school for persons with special needs (1) opinion survey with the stakeholders, key informants consisted of 7 home schooling chosen by purposive sampling from group of experienced persons in management of home school for persons with special needs to investigate the process of education of home schooling for persons with special needs, (2) questionnaire survey with 80 stakeholders consisted of 46 home schooling organizers registered with Primary education Service Area, 5 educational supervisors. 24 special education teachers, 2 administrators in education institutions and 3 psychologists/therapists to validate the suitability of A Management Model of Home School for Persons with Special Needs. The statistics used to analyze the data were percentage (%). mean (X) and standard deviation (S.D.). Data collected were analyzed using content analysis. The draft model consisted of: 1) introduction 2) elements of home schooling model for persons with special needs 3) key success factors 4) key performance indicators. They were summarized into a document submitted to professionals for a focus group to verify the model in the next stop The third phase was to verify suitability and validity of management model of home school for persons with special needs by 7 experts in the focus group discussions consisted of 1) Director Special Education Bureau 2) administrators in educational institutions 3) Administer from Ministry of Education 4) parents of persons with special needs in home school setting. The data from this discussion were analyzed in order to verify a home schooling model by statistical measurements including percentage (%). mean (X) and standard deviation (S.D.) The results of this research show that. 1. A need for home schooling for persons with special needs emerged because of several reasons: physical problem of persons with special needs that could not be solved by general education in normal schools, difference in intellectual capability between normal students and persons with special needs, inconsistent or uncontrollable emotion and concentration of persons with special needs that teacher could not for the most time earn their attention during a class, and a problem in social interactions of students who might have been normal in all other conditions. 2. A preparation before organizing home schooling for persons with special needs depended upon a condition and severity of disabilities of students. The result indicated that there were 2 types of conditions: physical condition such as weak muscle, poor health conditions, or educational/developmental delays. and mental conditions. which were related to brain functionality. 3. Types of home schooling for persons with special needs could be organized by self-organizing, organizing with others family and associating with school for persons with special needs which covered 3 categories of content. 1) 8 groups of academic subjects 2) behavior-improving activists 3) vocation- improvement activities. Parents were able to observe students' talents and improve their knowledge and skills, according to their preferences. 4. There were 3 main types of problems that encouraged a demand in home schooling for persons with special needs: 1) education organizers lacked knowledge and capability to design an effective curriculum and appropriate evaluation method 2) a curriculums lacked in key performance indicators and evaluation methods that were clear and appropriale for developing persons with special needs 3) government and officers lacked knowledge and expertise in home schooling and correct understanding about persons with special needs. 5. It was found that the home schooling model for persons with special education needs proposed by the researcher was equipped with acceptable quality, verified by selected group of experts. The proposed model consisted of 1) a methodology and 2) a network of home schooling for persons with special needs the methodology (1) showed several components which were a preparation of home schooling organizers. a preparation of students, a methodology for organizing and enhancing knowledge, skills, and processes, and an assessment and measurement methodology. A network of home schooling for persons with special needs (2) consisted of educational organizers, government agencies, doctors and professionals in persons with special needs, special educational teachers, school for persons with special needs, communities, and social organizations. Key success factors were that government agencies provided clear and objective procedures and laws that could flexibly support education for persons with special needs, and government officers should have authority that covers the role of Primary and Secondary Educational Service Area. Key performance indicators consisted of: 1) Individualized Education Plan which should be an individual plan for each specific student during each study period, and be a principle and method for each important topic during each study period. 2) Individualized Transition Services Plan for new service, process of searching for new school, an occupation preparation. An effective Individualized Transition Services would provide huge benefits for students that would like to investigate into new undertakings.

มหาวิทยาลัยสวนดุสิต. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ

Address: กรุงเทพมหานคร

Email: srinakorn_pan@dusit.ac.th

Name: ผดุง อารยะวิญญู

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Modified: 2560-03-29

Issued: 2560-03-29

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

CallNumber: ดพ LC40 \b พ718 ร7 2558

tha

DegreeName: ศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิต

Level: ปริญญาเอก

Descipline: สาขาวิชาการบริหารการศึกษาพิเศษ

Grantor: มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต

©copyrights มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	Cover.pdf	971.08 KB	98	2025-10-06 21:39:11
2	Abstract.pdf	1.51 MB	106	2025-10-06 21:40:06
3	Acknowledgement.pdf	349.4 KB	53	2025-10-06 21:40:26
4	Table of contents.pdf	696.55 KB	62	2025-10-06 21:40:51
5	Chapter 1.pdf	1.59 MB	119	2025-10-06 21:41:10
6	Chapter 2.pdf	32.12 MB	217	2025-10-21 22:13:28
7	Chapter 3.pdf	1.84 MB	87	2025-10-06 21:42:31
8	Chapter 4.pdf	20.25 MB	105	2025-10-06 21:42:59
9	Chapter 5.pdf	6.47 MB	93	2025-10-06 21:43:50
10	References.pdf	2.23 MB	98	2025-10-06 21:44:23
11	Appendix.pdf	10.91 MB	91	2025-10-06 21:46:17
12	Author.pdf	711.12 KB	53	2025-10-06 21:46:47

ใช้เวลา

0.028377 วินาที