Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาพฤติกรรมการบริโภคเครื่องดื่มชาเขียวสำเร็จรูป
หาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลกับพฤติกรรมการบริโภค และเปรียบเทียบเหตุผลในการ
ตัดสินใจซื้อโดยจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ประชากรที่บริโภค
เครื่องดื่มชาเขียวในเขตอำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี กำหนดกลุ่มตัวอย่างจำนวน 400 คน โดยสุ่ม
ตัวอย่างแบบกลุ่ม (Cluster Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามมาตราส่วน
ประมาณค่า 5 ระดับ ได้ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ .84 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่
ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบความสัมพันธ์โดยใช้ค่าไคสแคว์
การทดสอบค่า t และการทดสอบค่า F ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุระหว่าง 21-
30 ปี การศึกษาระดับปริญญาตรี อาชีพนักเรียน/นักศึกษา และมีรายได้ต่อเดือนไม่เกิน 5,000 บาท
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผู้บริโภคเครื่องดื่มชาเขียวสำเร็จรูปส่วนใหญ่ได้รับข้อมูลข่าวสารจากสื่อโทรทัศน์/
วิทยุมากที่สุด นิยมบริโภคในช่วงเวลาบ่าย โดยโอกาสที่ซื้อเครื่องดื่มชาเขียวคือ ซื้อดื่มตามปกติ
ผู้บริโภคซื้อโดยเฉลี่ย 3-4 ครั้ง/สัปดาห์ โดยซื้อเป็นจำนวน 1 กล่อง/ขวด/กระป๋อง ต่อครั้ง มีค่าใช้จ่าย
ในการซื้อต่อครั้ง 10-20 บาท โดยให้ตัวเองมีอิทธิพลต่อการซื้อ รสชาติที่ชื่นชอบคือ รสน้ำผึ้งผสม
มะนาว ยี่ห้อที่เลือกมาเป็นอันดับแรก คือ อิชิตัน สถานที่จัดจำหน่ายที่ผู้บริโภคเลือกซื้อ คือ มินิมาร์ท/
คอนวิเนียนสโตร์ ลักษณะบรรจุภัณฑ์ที่เลือก คือ แบบขวดพลาสติกขนาด 500 มล.(เล็ก) 2. ผู้บริโภคมีเหตุผลในการตัดสินใจซื้อเครื่องดื่มชาเขียวเนื่องจากมีความสะดวกในการซื้อ
หาซื้อง่าย มีจำหน่ายทั่วไป และดับกระหาย/สดชื่นมากที่สุด รองลงมา คือ มีรสชาติดีกลมกล่อม มีการ
ส่งเสริมการขาย เช่น ลดราคา แจก แถม ชิงรางวัล ฯลฯ และเหตุผลที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญน้อย
ที่สุด คือ มีพนักงานคอยให้คำแนะนำ/เพื่อนหรือบุคคลอื่นแนะนำ
3. เพศ อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการบริโภค
ยกเว้นด้านค่าใช้จ่ายในการซื้อต่อครั้ง ผู้บริโภคที่มีอายุ ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ต่างกัน
มีเหตุผลในการตัดสินใจซื้อในภาพรวมแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05 The research instrument was a five-rating scale with a confidence value
equivalent to .84. Statistics used in data analysis were frequency, percentage, mean,
standard deviation, Chi-square, t-test and F-test. The majority of the respondents were
females and students, aged between 21-30, had a bachelor degree, earned a monthly
income of 5,000 baht.
The research findings were as follows:
1. The consumers of green tea drinks were mainly exposed to the
information via TV/ radio; mostly they consumed the tea in the afternoon; they bought
the drink 3-4 times on average; an average spending was 10-20 baht; they had no
external influence as they wanted to buy by themselves; the flavor they liked most
was lemon-mixed honey; the top brand was ishiton; the place they got the drink was
a minimart/ convenient store; the product was packed in plastic.
2. The reasons they bought the product was convenience and availability,
followed by good flavor and sale promotion; the reason least affecting the consumers
behavior was an advice from the sale staff and friends. 3. Sex, age, educational level, occupation and income were related to the
consumption behavior. The consumers who were different in age, educational levels,
occupations and income had different reasons in making a decision to buy green tea
drink with a statistical significance of .05.