การศึกษาพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปาก นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 อำเภอพนา จังหวัดอานาจเจริญ

A Study of the Oral Health Caring Behavior of Prathomsuksa Six Students in Amnat Charoen’s Phana District

Name: ปิติฤกษ์ อรอินทร์

keyword: สุขภาพช่องปาก

ThaSH: สุขภาพช่องปาก

Classification :.DDC: 617.6 ป615ก

; การดูแลรักษา

Abstract: การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาปัจจัยทางชีวสังคม ปัจจัยนา ปัจจัยเอื้อ ปัจจัยเสริมและพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปาก 2) ศึกษาความสัมพันธ์ของปัจจัยทางชีวสังคม ปัจจัยนา ปัจจัยเอื้อ และปัจจัยเสริมกับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปาก และ 3) หาตัวแปรพยากรณ์ที่ดีของพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปาก ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 อาเภอพนา จังหวัดอานาจเจริญ ตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2556 ทั้งสิ้น 23 แห่ง ของอาเภอพนา จังหวัดอานาจเจริญ จานวน 189 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นภูมิ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม โดยแบ่งเป็น 5 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 ลักษณะทางชีวสังคม ส่วนที่ 2 ปัจจัยนา ส่วนที่ 3 ปัจจัยเอื้อ ส่วนที่ 4 ปัจจัยเสริม และส่วนที่ 5 พฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปาก มีค่าความเชื่อมั่นอยู่ระหว่าง .71 ถึง .87 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การใช้สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ โดยกาหนดค่านัยสาคัญทางสถิติ ไว้ที่ระดับ .05 ผลการวิจัยพบว่า 1. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 อาเภอพนา จังหวัดอานาจเจริญ ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อยู่ในโรงเรียนขนาดเล็ก มีบิดา-มารดา เป็นผู้ปกครอง และผู้ปกครองส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกร จานวนเงินที่ได้มาโรงเรียนส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 11-20 บาท ส่วนใหญ่ มีความรู้ ทัศนคติ ในการดูแลสุขภาพช่องปากอยู่ในระดับปานกลาง มีการเข้าถึงแหล่งขายขนมและเครื่องดื่มที่มีรสหวานอยู่ในระดับปานกลาง และมีอุปกรณ์ทาความสะอาดช่องปาก อยู่ในระดับต่า การได้รับแรงสนับสนุนทางสังคมจากผู้ปกครองอยู่ในระดับสูง การได้รับแรงสนับสนุนทางสังคมจากครูและโรงเรียน รวมทั้งทันตบุคลากรอยู่ในระดับปานกลาง และมีพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปาก อยู่ในระดับปานกลาง 2. ผลการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ ระหว่างตัวแปรในปัจจัยทางชีวสังคม กับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปาก พบว่าปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปาก อย่างมีนัยสาคัญที่ระดับ .01 ได้แก่ ขนาดโรงเรียน ผู้ปกครอง และตัวแปรพยากรณ์ที่มีความสัมพันธ์ทางบวกกับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปาก อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 มี 2 ตัวแปร คือ ผู้ปกครองมีอาชีพเกษตรกร (X7) และการมีอุปกรณ์การทาความสะอาดช่องปาก (X13) ตัวแปรพยากรณ์ที่มีความสัมพันธ์ทางบวกกับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปาก อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .01 มี 6 ตัวแปร คือความรู้ในการดูแลสุขภาพช่องปาก (X10) ทัศนคติในการดูแลสุขภาพช่องปาก (X11) การได้รับข้อมูลข่าวสารในการดูแลสุขภาพช่องปาก (X14) การได้รับแรงสนับสนุนทางสังคมจากผู้ปกครอง(X15) การได้รับแรงสนับสนุนทางสังคมจากครูและโรงเรียน(X16) และการได้รับแรงสนับสนุนทางสังคมจากทันตบุคลากร (X17) ตัวแปรพยากรณ์ที่มีความสัมพันธ์ทางลบกับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปาก อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .01 มี 1 ตัวแปร คือโรงเรียนขนาดกลาง (X3) 3. ตัวแปรพยากรณ์ที่ดีของพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปาก มี 7 ตัว คือการได้รับข้อมูลข่าวสารในการดูแลสุขภาพช่องปาก (X14) การได้รับแรงสนับสนุนทางสังคมจากผู้ปกครอง (X15) ความรู้ในการดูแลสุขภาพช่องปาก (X10) การได้รับแรงสนับสนุนทางสังคมจากทันตบุคลากร (X17) อาชีพผู้ปกครองเกษตรกร (X7) บิดา มารดาเป็นผู้ปกครอง (X4) และโรงเรียนขนาดกลาง (X3) ตามลาดับ 4. สมการพยากรณ์พฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปาก นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 อาเภอพนา จังหวัดอานาจเจริญ ได้ดังนี้ สมการพยากรณ์ในรูปคะแนนดิบ Y = 29.21 + 1.91X7 + .60X15 +.50X14 + .48X17 + .44X10 + 2.35X4 – 1.48X3 สมการพยากรณ์ในรูปคะแนนมาตรฐาน Z = .33Z14 + .22Z10 +.21Z15 + .16Z17 + .16Z7 + .16Z4 - .13Z3 The research aimed to study the bio-social factors, the imposing factors, the reinforcing factors and the oral health caring behavior; to explore the relation of the bio-social factors, the imposing factors, the reinforcing factors and the oral health caring behavior; to find out the good variables of the oral health caring behavior of Prathomsuksa six students in Phana district of Amnat Charoen province. The research samples used in the research were 189 prathomsuksa six students from 23 schools in Phana district, obtained by a stratified random sampling. The research instrument was the questionnaire divided into five parts: bio-social characteristics, the imposing factors, the supporting factors, the reinforcing factors and the oral health caring behavior. The questionaire’s confidence value ranged between .71 to .87. Statistics used in data analysis were mean, percentage, standard deviation, Pearson’s correlation and multiple regression analysis. The research findings were as follows : The majority of Prathomsuksa six students in Phana district were females studying at small schools, their guardians or parents were farmers by occupation, their daily spending was 11-20 baht, they had a moderate knowledge on the oral health care, their access to the shops selling the sweets or sugary drinkswas moderate, availability of the tooth cleaning equipment was low, they had social support from their parents at a high level, social support from the teachers and the schools was moderate and their oral health caring behavior was moderate. 2. An analysis of the factors in the study and the oral health caring behavior revealed that the factors which were related to an oral health caring behavior with a statistical significance of .01 were the school size, and parents. Two predictive variables positively related to the oral health caring behavior with a statistical significance of .05 were the parents’ occupation (X7) and the oral cleaning devices (X13). There were six variables positively related to the oral health caring behavior with a statistical significance of .01 were knowledge on the oral health care (X10), attitude in the oral health care (X11), getting information on the oral health care (X14), getting social support from parents (X15), getting support from teachers and schools (X16) and support from the dentists (x17). The variable negatively related to the oral health caring behavior with a statistical significance of .01 was the school size (X3). 3. There were seven good predictive variables related to an oral health caring behavior: getting information of the oral health care (X14), social support from parents (X15), knowledge on the oral health care (X10), social support from dentists (X17), the parents’ occupations (X17), having parents as the guardians (X4) and the school size (X3). 4. A predictive equation for the oral health caring behavior of Prathomsuksa six students in Phana district of Amnat Charoen province can be as follows: A predictive equation in the form of raw scores Y = 29.21 + 1.91X7 + .60X15 +.50X14 + .48X17 + .44X10 + 2.35X4 – 1.48X3 A predictive equation in the form of standard scores 1. Z = .33Z14 + .22Z10 +.21Z15 + .16Z17 + .16Z7 + .16Z4 - .13Z3

มหาวิยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี.สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ

Address: อุบลราชธานี

Email: info.lib@ubru.ac.th

Name: รองศาสตราจารย์พจนีย์ เสงี่ยมจิตต์

Role: ประธานกรรมการที่ปรึกษา

Created: 2557

Modified: 2559-03-10

Issued: 2559-03-01

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

tha

Spatial: ไทย

DegreeName: สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: การสร้างเสริมสุขภาพ

Grantor: มหาวิยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	title.pdf	267.42 KB	180	2024-09-17 18:22:36
2	abstract.pdf	296.02 KB	222	2023-06-06 13:53:17
3	content.pdf	329.62 KB	129	2022-01-11 22:16:09
4	chapter1.pdf	302.19 KB	234	2023-06-06 13:54:20
5	chapter2.pdf	638.18 KB	283	2023-01-28 10:29:31
6	chapter3.pdf	525.92 KB	215	2023-01-28 10:29:33
7	chapter4.pdf	526.51 KB	210	2024-10-20 22:10:45
8	chapter5.pdf	415.57 KB	254	2024-07-13 13:57:24
9	blbiogarphy.pdf	295.37 KB	172	2023-01-28 10:29:40
10	appendix.pdf	638.57 KB	224	2025-09-13 21:04:36
11	biodata.pdf	255.94 KB	115	2023-01-28 10:29:46

ใช้เวลา

0.043177 วินาที