แจ้งเอกสารไม่ครบถ้วน, ไม่ตรงกับชื่อเรื่อง หรือมีข้อผิดพลาดเกี่ยวกับเอกสาร ติดต่อที่นี่ ==>
หากไม่มีอีเมลผู้รับให้กรอก thailis-noc@uni.net.th
หากไม่มีอีเมลผู้รับให้กรอก thailis-noc@uni.net.th
ชนิกามาศ ดุงโคกกรวด. การบริหารความเครียดบุคลากรสาธารณสุข กรณีศึกษา : โรงพยาบาลด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา. ปริญญาโท(บริหารธุรกิจ). มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ. : มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน, 2552.
การบริหารความเครียดบุคลากรสาธารณสุข กรณีศึกษา : โรงพยาบาลด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา
THE STRESS MANAGEMENT OF PUBLIC HEALTH PERSONNEL CASE STUDY : DANKHUNTHOD HOSPITAL, NAKHONRATCHASIMA
Name: ชนิกามาศ ดุงโคกกรวด
keyword:
การบริหารความเครียด
Abstract:
การศึกษาวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณา มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิธีการบริหาร
ความเครียดของบุคลากรสาธารณสุข โดยมีขอบเขตในการศึกษาวิจัย 4 วิธี คือ 1) วิธีการกระจาย
ความเครียดแก่อวัยวะทุกส่วนเสมอกัน 2) วิธีการเปลี่ยนทิศทางของพลังความเครียด 3) วิธีการ
ผ่อนคลายความเครียด 4) วิธีการควบคุมความเครียด และทดสอบเปรียบเทียบวิธีการบริหาร
ความเครียดของบุคลากรสาธารณสุข จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ สถานภาพสมรส
อายุ ระดับการศึกษา ระยะเวลาปฏิบัติงาน กลุ่มงานที่ปฎิบัติ สถานะการปฏิบัติงาน และรายได้
โดยประชากรที่ใช้ศึกษาจำนวน 320 คน คำนวณกลุ่มตัวอย่างแบบง่ายตามตารางการประมาณ
ขนาดตัวอย่างของ Krejcie & Morgan ได้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 175 คน โดยใช้วิธีการสุ่มกลุ่ม
ตัวอย่างในแต่ละระดับชั้นอย่างเป็นสัดส่วน ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการศึกษาวิจัย
วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป สถิติที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ค่าร้อยละ
ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน t-test Anova และทดสอบหาความแตกต่างเป็นรายคู่ด้วยวิธี LSD
โดยมีระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จากการศึกษาพบว่า บุคลากรสาธารณสุขผู้ตอบ
แบบสอบถามโดยส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง และมีสถานภาพสมรส โดยมีช่วงอายุ 21-30 ปี และมี
การศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า มีระยะเวลาปฏิบัติงานในโรงพยาบาล ต่ำกว่า 5 ปี
และส่วนใหญ่ปฏิบัติงานที่กลุ่มงานการพยาบาล โดยมีสถานะการปฏิบัติงานเป็นลูกจ้างชั่วคราว
และส่วนใหญ่มีรายได้สุทธิเฉลี่ยต่อเดือน 6,001 10,000 บาท มีการบริหารความเครียดในภาพรวมเรียงตามลำดับ คือมีการบริหารความเครียดด้วยวิธีการเปลี่ยนทิศทางของพลังความเครียด
มากที่สุด โดยคิดว่าทุกปัญหามีทางออกเสมอมีการใช้มากที่สุด รองลงมาคือมีความเข้าใจว่าคนเรา
มีความแตกต่างกัน วิธีรองลงมาคือวิธีการผ่อนคลายความเครียด โดยคิดว่าการนอนหลับพักผ่อน
อยู่ในท่าที่สบายมีการใช้มากที่สุด รองลงมาคือคิดว่าจะไปท่องเที่ยวพักผ่อนในวันหยุด และวิธี
รองลงมาคือวิธีการควบคุมความเครียด โดยกินยาช่วยระงับประสาทหรือยาคลายเครียดมีการใช้
มากที่สุด รองลงมาคือใช้คำพูดที่เหมาะสมกับเวลา สถานที่และบุคคล และวิธีการบริหาร
ความเครียดที่ใช้น้อยที่สุดคือการกระจายความเครียดแก่อวัยวะทุกส่วนเสมอกัน โดยออกกำลังกาย
ทุกครั้งมากกว่า 20 นาทีมีการใช้มากที่สุด รองลงมาคือออกกำลังกายด้วยการเดินเร็ว โดยบุคลากร
สาธารณสุขที่มีเพศ อายุ และกลุ่มงานที่ปฏิบัติที่แตกต่างกันมีการบริหารความเครียดแตกต่างกัน
อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ส่วนบุคลากรสาธารณสุขที่มีสถานภาพสมรส ระดับ
การศึกษา ระยะเวลาปฏิบัติงาน สถานะการปฏิบัติงานและรายได้ที่แตกต่างกันมีการบริหาร
ความเครียดไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 This research was a descriptive research that aimed to study stress
management of public health personnel with research scope in 4 ways as follows; 1)
equalization of stress, 2) diversion of stress, 3) relaxation of stress and 4) stress control;
and to compare public health personnels stress management classified according to
personal factors including gender, marital status, age, educational level, working period,
working group, working status and net income. The sample of this study was 175 public
personnel randomly selected from the population of 320. Questionnaires were used as a
tool for collecting the data wich were analyzed to find the percentage, mean, standard
deviation, t-test ANOVA and the differences of mean were compared by using Least
Significant Difference method with statistical significant differences at 0.05 level. The
study revealed that the most of respondents were female, married, 21 30 years,
bachelors degree or equivalent, at least 5 years of working period in the hospital,
working in nurse group, temporary employees with monthly net income of 6,001 10,000
baht. Overall of stress management was as follows: diversion of stress was used by the
most of respondents because they thought that problems had their own solutions while the next was their understanding that human was different. For relxation of stress, the most
of their thinking was sleeping with comfortable manner and the next was having a trip
on holidays. For stress control, the most of their thinking was sedative used and the next
was using words with proper person, time and place. The way of stress management used
the least was equalization of stress with, the most of their thinking was excercising more
than 20 minutes per time and the next was quick walking. The personnel with different
gender, age and working group had their differences of stress management with statistical
significant differences at 0.05 level, whereas, those with different marital status,
educational level, working period, working status and income had no differences with
statistical significance differences at 0.05 level.
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ
Address:
นครราชสีมา
Email:
kitiya.ni@rmuti.ac.th
Email :
@rmuti.ac.th
Modified:
2025-05-14
Created:
2552
Issued:
2559-02-17
วิทยานิพนธ์/Thesis
application/pdf
tha
DegreeName: บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต
Level: ปริญญาโท
Descipline: บริหารธุรกิจ
Grantor: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
©copyrights มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล อีสาน
RightsAccess:
ใช้เวลา
0.080836 วินาที
ชนิกามาศ ดุงโคกกรวด
| Title | Contributor | Type |
|---|---|---|
| การบริหารความเครียดบุคลากรสาธารณสุข กรณีศึกษา : โรงพยาบาลด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล อีสาน ชนิกามาศ ดุงโคกกรวด | วิทยานิพนธ์/Thesis |