การมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์โบราณสถานของพระสังฆาธิการ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

The Participation of Sangha Administrators on Conservation of Archeological Sites in Ayutthaya Province

Name: พระมหาเสถียร ถาวรธมฺโม (เกษาชาติ)

keyword: การมีส่วนร่วม

; การอนุรักษ์โบราณสถาน

; โบราณสถาน

; พระสังฆาธิการ

; จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษาระดับของการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์โบราณสถานของพระสังฆาธิการในอำเภอพระนครศรีอยุธยา 2) เพื่อเปรียบเทียบระดับการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์โบราณสถานของพระสังฆาธิการในอำเภอพระนครศรีอยุธยา จำแนกตามสถานภาพส่วนบุคคล และ 3) เพื่อศึกษาปัญหาและข้อเสนอแนะการแก้ปัญหาของการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์โบราณสถานของพระสังฆาธิการในอำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ดำเนินการวิจัยโดยวิธีวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research) เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือพระสังฆาธิการในอำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 101 รูป สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่และค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และการทดสอบค่าที (T-test) โดยการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-Way Analysis of Variance : ANOVA) และทำการทดสอบความแตกต่างรายคู่โดยวิธีการผลต่างนัยสำคัญน้อยที่สุด (Least Significant Difference : LSD) ผลการวิจัยพบว่า 1. ระดับการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์โบราณสถานของพระสังฆาธิการ ในอำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยภาพรวม อยู่ในระดับปานกลาง (x= 3.45) และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านแล้วพบว่า ระดับการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์โบราณสถานของพระสังฆาธิการ ในอำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ด้านร่วมค้นหาสาเหตุของปัญหา และด้านร่วมหาวิธีการแก้ไขปัญหาอยู่ในระดับปานกลาง ส่วนด้านร่วมปฎิบัติงาน และด้านร่วมติดตาม ประเมินผล และบำรุงรักษา อยู่ในระดับมาก 2. ผลการเปรียบเทียบระดับการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์โบราณสถานของพระสังฆาธิการ ในอำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำแนกตามสถานภาพส่วนบุคคล พบว่า พระสังฆาธิการที่มีอายุ พรรษา วุฒิการศึกษา(สามัญศึกษา) วุฒิการศึกษาพระปริยัติธรรม(แผนกธรรม) และระยะเวลาสังกัดอยู่ภายในวัด ต่างกันมีระดับการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์โบราณสถานของพระสังฆาธิการในอำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไม่แตกต่างกัน ส่วนพระสังฆาธิการที่มีตำแหน่งทางคณะสงฆ์และวุฒิการศึกษาพระปริยัติธรรม(แผนกบาลี)ต่างกัน ต่างกันมีระดับการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์โบราณสถานของพระสังฆาธิการในอำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 3. ปัญหาและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์โบราณสถานของพระสังฆาธิการในอำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 1) ด้านร่วมค้นหาสาเหตุของปัญหา ปัญหา ได้แก่ เขตโบราณสถานทับซ้อนกับเขตเทศบาลและประชาชนบุกรุกโบราณสถาน ข้อเสนอแนะ ได้แก่ ควรมีการแบ่งเขตโบราณสถานให้ชัดเจนออกกฎหมายไม่ให้ประชาชนบุกรุกพื้นที่โบราณสถาน 2) ด้านร่วมหาวิธีการแก้ไขปัญหา ปัญหา ได้แก่ เจ้าหน้าที่มีส่วนในการทำลายโบราณสถานเพราะเห็นแก่เงินที่ได้รับในการออกเอกสารสิทธิ์ทับซ้อนโบราณสถาน ข้อเสนอแนะ ได้แก่ กำหนดบทลงโทษเจ้าหน้าที่ที่ทุจริตอย่างรุนแรง 3) ด้านร่วมปฎิบัติงาน ปัญหา ได้แก่ ขาดความรู้ความเข้าใจในการบูรณะ ขาดการประสานงานจากหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแล ข้อเสนอแนะ ได้แก่ ควรจัดหาผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการบูรณะและหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลควรมีการประสานงานกับวัดอย่างสม่ำเสมอ 4) ด้านร่วมติดตาม ประเมินผลและบำรุงรักษา ปัญหา ได้แก่ ไม่ได้รับการสนับสนุนเท่าที่ควรจะเป็น ขาดความรู้ความเข้าใจทางหลักวิชาการและนโยบายที่ชัดเจนในการบำรุงรักษา ข้อเสนอแนะ ได้แก่ รัฐบาลควรให้การสนับสนุนงบประมาณให้ทั่วถึง หน่วยงานราชการควรมีนโยบายที่ชัดเจนในการบำรุงรักษาตามสภาพปัจจุบันที่เกิดขึ้น

Abstract: The main objectives of this research were: i) to study the participation level of Sangha Administrators on conservation of archeological sites in Ayutthaya province, ii) to compare the participation level of Sangha Administrators on conservation of archeological sites, classified by personal factors, and iii) to study problems and suggestions of Sangha Administrators’ participation on conservation of archeological sites in Ayutthaya province. The survey research was carried out in this study. The sample of this study comprised 101 Sangha Administrators in Pranakorn Sri Ayutthaya District, Ayutthaya province. The instrument used for data collection was a questionnaire with a reliability value equal to 0.936. The statistic used for data analysis were frequency, percentage, means, standard deviation and F-test (one-way analysis of variance). To test the significance of different means pairs, the Least Significant Difference was employed. The findings were concluded as follows: 1. The overall participation levels of Sangha Administrators on conservation of archeological sites in Ayutthaya province were found at the moderate level (= 3.45). When having considered in each aspect, it was noted that the participation levels on conservation of archeological sites according to the discovering causes of problems and suggestions were found at the moderate levels. While the participation in work and the participation in management, evaluation and conservation were ranked at the high level. 2. The result of comparison of the participation level of Sangha Administrators on conservation of archeological sites in Ayutthaya province, classified by personal factors, revealed that: Sangha administrators with different age, years of ordination, levels of general education, levels of Dhamma studies and periods of residing in temple were found no statistically significant differences. While Sangha administrators with different administrative positions and levels of Pali studies were noted statistically significant difference at the 0.05 level. 3. The problems and suggestions of Sangha administrators on conservation of archeological sites in Ayutthaya province were as follows: 1) To discover causes of problems: Problems were that the archeological sites were overlapping with municipal areas and people intrude into archeological sites. The suggestions are to separate archeological sites and make a law to forbid people intruding into archeological sites. 2) To propose the suggestions: Problems were that authorities partially destroy archeological sites. The suggestions are to determine intense legal punishment for corrupted authorities. 3) To participate in work: Problems were that lacks of knowledge about conservation of archeological sites and no coordination from offices. The suggestions are to find archaeologists to restore them and offices had to coordinate regularly with temples. 4) To participate in management, evaluation and preserving: Problems were that there was less support from offices, lack of technical knowledge and clear policy on conservation of archeological sites. The suggestions are that government has to support budgets all over and offices have clear policy on conservation of archeological sites. "

Mahachulalongkornrajavidyalaya University. Center Library

Address: AYUTTHAYA

Email: library@mcu.ac.th

Name: โกนิฏฐ์ ศรีทอง

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Name: พระมหาบุญเลิศ อินฺทปญฺโญ

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Name: ยุทธนา ปราณีต

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Created: 2554

Modified: 2568-10-18

Issued: 2558-09-24

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

tha

DegreeName: พุทธศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: สาขาวิชาการจัดการเชิงพุทธ

Grantor: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

©copyrights มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	636-พระมหาเสถียร ถาวรธมฺโม (เกษาชาติ).pdf	2.72 MB

ใช้เวลา

0.046005 วินาที