สภาพการเรียนการสอนศีลธรรมในสถานศึกษาในเขตอำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี

The Conditions of Morality Teaching Monks in Educational Institutions of Kaengkhoi District, Saraburi Province

Name: พระครูปิยธรรมพิศิษฎ์ (บุญสุข ปิยธมฺโม)

Abstract: การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ (๑) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการเรียนการสอนศีลธรรมในสถานศึกษาในเขตอำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี (๒) เพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการเรียนการสอนศีลธรรมในสถานศึกษาในเขตอำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี และ (๓) เพื่อศึกษาปัญหาและข้อเสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่อการสอนศีลธรรมในสถานศึกษาของพระภิกษุ ในสถานศึกษาในเขตอำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ครั้งนี้ ผู้ศึกษาได้กำหนดกลุ่มประชากรคือ นักเรียนในโรงเรียนที่พระภิกษุเข้าไปทำการสอนศีลธรรมในโรงเรียน ในจังหวัดสระบุรี ระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบสอบถามแบบตรวจสอบรายการ (Check-list) และมาตราส่วนประมาณค่า (Rating scale) แล้ววิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าสถิติความถี่ (Frequency) ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Arithmetic Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ผลวิจัยพบว่า ๑. กลุ่มตัวอย่างผู้ตอบแบบสอบถาม จำนวน ๒๗๘ คน พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม มีระดับธรรมศึกษาชั้นโท มากที่สุด ร้อยละ ๕๙.๕๐ ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ ๗๕.๕๐ มีอายุระหว่าง ๑๑-๑๕ ปี มากที่สุด ร้อยละ ๔๘.๙๐ กำลังศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ร้อยละ ๘๒.๐๐ ส่วนใหญ่อาศัยอยู่กับแม่ ร้อยละ ๗๑.๒๐ ส่วนใหญ่มีบิดาประกอบอาชีพรับจ้าง ร้อยละ ๖๑.๒๐ มีมารดาประกอบอาชีพค้าขาย ร้อยละ ๔๑.๗๐ ๒. บทบาทของพระสงฆ์ต่อการสอนศีลธรรมในสถานศึกษาในเขตอำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างผู้ตอบแบบสอบถาม จำนวน ๒๗๘ คน พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมีความคิดเห็นต่อสภาพการเรียนการสอนศีลธรรมในสถานศึกษา ในเขตอำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อจำแนกรายด้าน พบว่า มีความคิดเห็นต่อสภาพการเรียนการสอนศีลธรรมในสถานศึกษาในเขตอำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ด้านการใช้อุปกรณ์ในการสอนสูงที่สุด รองลงมาคือ ด้านการใช้วิธีการสอน และสุดท้ายได้แก่ด้านการสร้างบรรยากาศในห้องเรียน ๓. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบความแตกต่าง ความคิดเห็นต่อบทบาทของพระสงฆ์ต่อการสอนศีลธรรมในสถานศึกษาในเขตอำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี จำแนกตามสถานภาพระดับชั้นธรรมศึกษา เพศ อายุ ระดับการศึกษา สถานภาพทางครอบครัว บิดาประกอบอาชีพ และมารดาประกอบอาชีพ พบว่า นักเรียนที่มีระดับชั้นธรรมศึกษา เพศ ระดับการศึกษา อาชีพของบิดา และอาชีพของมารดาที่แตกต่างกัน มีความคิดเห็นต่อการ จัดการเรียนการสอนศีลธรรมไม่แตกต่างกัน ส่วนนักเรียนที่มีอายุ สถานภาพทางครอบครัวที่แตกต่างกันมีความคิดเห็นต่อการจัดการเรียนการสอนศีลธรรม แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ .๐๕ ๔. ปัญหาและอุปสรรคต่อบทบาทของพระสงฆ์ต่อการสอนศีลธรรมในสถานศึกษาในเขตอำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี จากผลการวิจัย พบว่า ยังขาดอุปกรณ์ในการสอนที่ทันสมัยและเหมาะสม ไม่มีห้องส่งเสริมศีลธรรมโดยเฉพาะ ไม่ค่อยมีการสนทนาซักถามนักเรียน ไม่มีการทดสอบก่อนและหลังเรียน ไม่มีการสรุปอภิปรายผลเพื่อให้เกิดความหลากหลายยิ่งขึ้น เป็นต้น ดังนั้น พระสอนศีลธรรม ควรจะมีอุปกรณ์ในการสอนและมีความทันสมัยมากขึ้นตามยุคตามสมัย มีการทดสอนก่อนและหลังเรียน เปิดโอกาสให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการสนทนาโต้ตอบบ้าง มีการจัดกิจกรรมกลุ่มการเรียนรู้บ้าง มีการสาธิตยกตัวอย่างประกอบบ้าง มีการสรุปรายผลแบบปลายเปิดให้เกิดความหลากหลายมากขึ้น และจะต้องให้ความสำคัญเอาใจใส่ดูแลต่อนักเรียนของตนที่รับผิดชอบอยู่ให้ทั่วถึงทุกด้าน เริ่มตั้งแต่กระบวนการจัดกิจกรรมกลุ่ม สร้างแรงจูงใจแก่นักเรียนทั้งหมดซึ่งนับว่าเป็นความคาดหวังการเรียนการสอนศีลธรรมแก่นักเรียนธรรมศึกษาที่ถูกต้องดีงาม ที่สามารถจะพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพให้เกิดประสิทธิผลทั้งตัวพระสอนศีลธรรมเอง และนักเรียนธรรมศึกษา ก็จะเป็นผลดีต่อการดำรงพระพุทธศาสนา สืบทอดอายุของพระพุทธศาสนาให้มั่นคงถาวรสืบต่อไปกาลนาน

Abstract: The objectives of this research are : (1) to study the opinions of students on the teaching and learning of morality in school of Kaengkhoi District, Saraburi Province, (2) to compare the opinions of students on the teaching and learning of morality in schools of Kaengkhoi District, Saraburi Province, and (3) to study the problems and suggestions of moral teaching in educational institutions in Kaengkhoi District, Saraburi Province. Sampling group in this research is the students in schools that the monks teaching morality in SaraburiProvince in the level of primary and secondary schools. The tools for research are check lists rating scale by data analysis of frequency, percentage, arithmetic mean and, standard deviation. The main findings of the research are as follows: 1. The sampling group whose answers to the questionnaires are of 278 peoples, is second grade of Dhamma studies with 59.50 %, female with 75.50%, age between 11-15 years old with 48.90%, study in secondary schools with 82.00%, living with their mothers 71.20%, their father were employees 61.20%, and their mother were trade professional 41.70%. 2. The role of the morality teaching monks in schools of Kaengkhoi District, SaraburiProvince, found that the opinions of morality teaching in schools of Kaengkhoi District, SaraburiProvince is in the high level. When considered in each aspect it was found that the opinions to the learning and teaching morality in schools Kaengkhoi District, Saraburi Province for using tools in teaching is high level. The secondary is using catechetic and the last is to build up the atmosphere in the class. 3. The result of data analysis comparison the different opinions to the role of the morality teaching monks in schools of Kaengkhoi District, Saraburi Province divided into level of Dhamma study, gender, age, level of education, family condition father’s career, mother’s career was found that the students who have difference of education, mother, father’s career are no different to teaching morality. For the students who have different age, family condition their opinion was different to teaching morality in schools with the statistical significance at 0.5. 4. Problems and obstacles of the role to teaching morality monks in schools Kaengkhoi District, Saraburi Province was found that the lack of tools that fit to the modern condition, there is no room for moral extension, there is no questions, no pretest and post test exams and no conclusion of the result to set the various idea. Hence the monks who teach the morality should have tools for teaching to catch up to the time and should have pretest, post test and let the students have change to participate in exchange knowledge and idea, have learning group activities to demonstrate that illustration open conclusion to get various idea and have to attend to take care the students in every parts. Starting from process of group activities, Should motivate all students that were expected to learning and teaching morality to Dhamma students with the right and good conditions in order to develop the efficiency and effectiveness to the monks themselves and Dhamma students, which will be of good to Buddhism and the long periods of Buddhism to the next generations.

Mahachulalongkornrajavidyalaya University. Center Library

Address: AYUTTHAYA

Email: library@mcu.ac.th

Name: เติมศักดิ์ ทองอินทร์

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Name: พระครูสังฆรักษ์เกียรติศักดิ์ กิตติปญฺโญ

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Name: ภัทรพล ใจเย็น

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Created: 2554

Issued: 2558-09-24

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

tha

©copyrights มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

ใช้เวลา

0.016521 วินาที