ปัญหากฎหมายเกี่ยวกับสิทธิในค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขของข้าราชการ ลูกจ้างและประชาชนทั่วไป : ศึกษากรณีการรวมระบบสาธารณสุขของรัฐ

egal problems of the rights to healthcare service expenditure of civil servants, employees and general people : case study of the state 's universal healthcare system

Name: อัจฉริยา รสฉ่ำ

ThaSH: สิทธิลูกจ้าง -- กฎหมายและระเบียบข้อบังคับ -- วิจัย

Classification :.DDC: 346.086382

ThaSH: ประกันสุขภาพ -- กฎหมายและระเบียบข้อบังคับ -- วิจัย

ThaSH: พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545

Abstract: ประเทศไทยมีการจัดระบบบริการสาธารณสุขให้แก่ประชาชนหลายระบบ โดยมีระบบหลักอยู่ 3 ระบบ ได้แก่ ระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ระบบประกันสังคม และระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งการจัดให้มีระบบริการสาธารณสุขหลายระบบ ทำให้เกิดปัญหาด้านการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อการบริการสาธารณสุขที่ซ้ำซ้อนกัน จึงมีการตราพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 โดยมาตรา 9 และมาตรา 10 ของพระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติให้นำระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการและระบบประกันสังคมนำมาจัดการรวมกับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อลดค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขในภาพรวมมิให้เกิด การเบิกค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อนกัน และจัดระบบบริการสาธารณสุขใหม่ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงระบบบริการสาธารณสุขอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ และให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นผู้บริหารจัดการแทน จากการศึกษาเห็นว่า ระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ เป็นระบบการช่วยเหลือด้านการรักษาพยาบาลแก่ข้าราชการ ข้าราชการบำนาญ และบุคคลในครอบครัว ระบบประกันสังคม เป็นระบบเพื่อช่วยเหลือด้านการรักษาพยาบาลให้แก่ผู้ประกันตน ส่วนระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อให้ประชาชนทุกคนมีสิทธิเสมอกันในการได้รับบริการสาธารณสุขเป็นไปอย่างทั่วถึงและมีมาตรฐานตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งเจตนารมณ์ในการให้ความช่วยเหลือประชาชนของระบบริการสาธารณสุขทั้งสามระบบมี ความแตกต่างกัน โดยรวมถึงขอบเขตของผู้มีสิทธิ สิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ และแหล่งที่มาของเงินทุนด้วย การที่พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 มาตรา 9 และมาตรา 10 บัญญัติให้รวมระบบบริการสาธารณสุขทั้งสามระบบเข้าด้วยกัน โดยที่พระราชบัญญัติดังกล่าวยังคงรับรองสิทธิประโยชน์ที่ผู้ที่มีสิทธิภายใต้ระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ระบบประกันสังคม และระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่เคยได้รับให้เป็นไปตามเดิม ดังนั้น เมื่อประชาชนทุกคนอยู่ภายใต้ระบบบริการสาธารณสุขเดียวกันแล้ว จึงอาจก่อให้เกิดปัญหา ด้านความเหลื่อมล้ำและความไม่เป็นธรรมต่อผู้อยู่ภายใต้ระบบบริการสาธารณสุขเดียวกัน ทั้งนี้ หากไม่มีการนำระบบริการสาธารณสุขทั้งสามระบบมารวมกัน ก็ไม่เป็นการขัดต่อหลักความเสมอภาคและไม่เป็นการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมแต่อย่างใด นอกจากนี้ พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 มาตรา 66 บัญญัติให้ดำเนินการรวมระบบบริการสาธารณสุขทั้งสามระบบเข้าด้วยกันภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่บังคับใช้พระราชบัญญัติดังกล่าว จนกระทั่งปัจจุบันสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติก็ไม่สามารถดำเนินการได้ บทบัญญัติมาตรา 9 และมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 จึงไม่มีผลใช้บังคับได้จริง ส่วนกรณีปัญหาการเบิกจ่ายซ้ำซ้อนเกี่ยวกับสิทธิในค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขนั้น เห็นว่า ระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ระบบประกันสังคม และระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ บัญญัติให้ความช่วยเหลือทางด้านการรักษาพยาบาลแก่ประชาชนต่างกัน และพระราชกฤษฎีว่าด้วยเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล พ.ศ. 2553 ได้แก้ปัญหา การเบิกจ่ายที่ซ้ำซ้อนกันระหว่างสิทธิที่ได้รับภายใต้ระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ระบบประกันสังคม และระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติแล้ว กรณีศึกษาระบบบริการสาธารณสุขของต่างประเทศ เห็นว่า การจัดระบบบริการสาธารณสุขของประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอังกฤษ จะเป็นการจัดระบบประกันสุขภาพให้แก่ประชาชนทุกคนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งมีแหล่งที่มาของเงินทุนมาจากภาษีของประชาชน ส่วนระบบประกันสุขภาพของประเทศสิงคโปร์มีการจัดระบบการออมทรัพย์ของประชาชนให้เอื้อต่อค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ การที่จะนำระบบบริการสาธารณสุขของต่างประเทศนั้น ระบบ การจัดเก็บภาษีของประเทศไทยจะต้องมีประสิทธิภาพและจะต้องเก็บในอัตราที่สูง เพื่อที่จะไม่เกิดภาระกับภาครัฐที่จะนำเงินไปใช้ในการจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อการบริการสาธารณสุขของประชาชน ซึ่งภาระจะตกแก่ประชาชนในการจัดเก็บภาษี นอกจากนี้ ระบบริการสาธารณสุขของต่างประเทศมีทั้งกรณีแยกบริหารและรวมอยู่ภายใต้หน่วยงานเดียวบริหาร ดังนั้น จึงเห็นว่าประเทศไทยจึงยังไม่มีความพร้อมในการนำมาปรับใช้ได้ ดังที่กล่าวมาข้างต้น วิทยานิพนธ์ฉบับนี้จึงเสนอว่า จึงเห็นควรให้ยกเลิกมาตรา 9 และมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชน มีสิทธิภายใต้ระบบบริการสาธารณสุขของตนที่มีสิทธิอยู่

มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์. ศูนย์สนเทศและหอสมุด.

Address: กรุงเทพมหานคร

Email: library@dpu.ac.th

Name: วีระ โลจายะ

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Modified: 2558-01-28

Created: 2557

Issued: 2558-01-20

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

CallNumber: วพ346.086382 อ513ป

tha

DegreeName: นิติศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: กฎหมายมหาชน

Grantor: มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

©copyrights มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	Cover.pdf	313.22 KB	13	2019-07-12 21:13:33
2	ABS.pdf	283.1 KB	6	2019-07-12 21:13:09
3	Chap_1.pdf	308.02 KB	10	2020-03-01 10:10:03
4	Chap_2.pdf	559.85 KB	18	2020-03-01 10:10:06
5	Chap_3.pdf	415.04 KB	8	2018-06-04 00:20:22
6	Chap_4.pdf	493.65 KB	10	2020-03-01 10:11:25
7	Chap_5.pdf	404.94 KB	10	2020-03-01 10:11:29
8	Chap_6.pdf	296.14 KB	11	2020-03-01 10:11:33
9	App-bip.pdf	316.57 KB	9	2018-06-04 00:20:25
10	App.pdf	330.32 KB	9	2018-06-04 00:20:26
11	Vita.pdf	246.78 KB	4	2018-06-04 00:20:27

ใช้เวลา

-0.731811 วินาที