การบริหารงานตามหลักอปริหานิยธรรม ขององค์การบริหารส่วน จังหวัดขอนแก่น

Name: ประยงค์ พรมมา

Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (๑) เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม (๒) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของพนักงานที่มีต่อการบริหารงานตามหลักอปริหานิยธรรม ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น (๓) เพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของพนักงานที่มีต่อการบริหารงานตามหลักอปริหานิยธรรมขององค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น จำแนกตาม เพศ, อายุ, ระดับการศึกษา, ตำแหน่งงาน, ส่วนราชการ, รายได้ต่อเดือน, และอายุทำงาน (๔) เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาการบริหารงานขององค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น การศึกษาวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน(Mixed Method) คือ การวิจัยเชิงปริมาณ และการวิจัยเชิงคุณภาพ ศึกษากับพนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่นที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง จำนวน ๑๓๕ คน โดยใช้เครื่องมือในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม เสร็จแล้วนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อการวิจัยทางสังคมศาสตร์ เพื่อหาค่าความถี่(Frequency) ร้อยละ(Percentage) ค่าเฉลี่ย(Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน(S.D.) การทดสอบค่าที (t-test) และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One way ANOVA) และสำหรับการวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้เครื่องมือในการวิจัยเป็นแบบสัมภาษณ์ โดยรวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-Depth interview) กับผู้ให้ข้อมูลสำคัญ (Key informants) จำนวน ๕ คน โดยการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหา(Content Analysis) อธิบายในรูปของความเรียง ผลการวิจัยพบว่า ๑. ผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุตั้งแต่ ๔๐-๔๙ ปี มีระดับการศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี อยู่ในภาคส่วนราชการ กองช่าง มีตำแหน่งข้าราชการ มีรายได้ตั้งแต่ ๒๐,๐๐๑ บาทขึ้นไป มีระยะเวลาในการดำรงตำแหน่ง ๑ - ๕ ปี ๒. พนักงานมีความคิดเห็นต่อการบริหารงานตามหลักอปริหานิยธรรมขององค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( X ̅ = ๔.๕๖) เมื่อพิจารณารายด้านพบว่าพนักงานมีความคิดเห็นต่อการบริหารงานตามหลักอปริหานิยธรรม อยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน โดยเฉลี่ยจากมากไปหาน้อยตามลำดับ คือ ด้านการเคารพเชื่อฟังผู้บังคับบัญชา, ด้านการให้เกียรติและคุ้มครองสิทธิสตรี, ด้านการส่งเสริมและรักษาวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม, ด้านการอารักขาคุ้มครองปกป้องอันชอบ, ด้านการพร้อมเพียงกันประชุม, ด้านการประชุมกันเนืองนิตย์, และด้านการไม่บัญญัติ หรือไม่ล้มเลิกข้อบัญญัติตามอำเภอใจ ตามลำดับ ๓. พนักงานที่มีเพศ,และส่วนราชการ ที่ต่างกัน มีความคิดเห็นต่อการบริหารงานตามหลักอปริหานิยธรรมขององค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น แตกต่างกัน เป็นไปต่างสมมติที่ตั้งไว้ ส่วนพนักงานที่มี อายุ, ระดับการศึกษา, ตำแหน่งงาน, รายได้ต่อเดือน, และอายุการทำงาน ที่ต่างกัน มีความคิดเห็นต่อการบริหารงานตามหลักอปริหานิยธรรมขององค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่นไม่แตกต่างกัน จึงปฏิเสธสมมติฐานที่ตั้งไว้ ๔. แนวทางในการบริหารงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น พบว่า ควรมีการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจแก่พนักงาน ในด้านการนำอปริหานิยธรรม ๗ มาใช้กับการทำงานให้มากยิ่งขึ้น, ควรส่งเสริมให้มีการทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนร่วมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน ไม่แสวงหาผลประโยชน์จากตำแหน่งหน้าที่การงาน, ควรคัดสรรบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ ตรงตามลักษณะของงาน, ควรส่งเสริมและสนับสนุนให้พนักงาน ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่นได้มีโอกาสพัฒนาความรู้ความสามารถในการทำงานทั้งในองค์การ และนอกมากยิ่งขึ้น, และควรสร้างบรรยากาศพัฒนาสภาพแวดล้อมในการทำงานให้เอื้อต่อการทำงานตลอดจนการพัฒนาการจัดกิจกรรมขององค์การให้มีความทันสมัยและให้น่าสนใจยิ่งขึ้น

Abstract: The main objectives of this research were – (1) to study personal factors of respondents, (2) To study the opinion of employees towards Administration by the Aparihaniyadhamma of Khon Kaen Provincial Administrative Organization, (3) To compare the opinions of employees on the administration by the main Aparihaniyadhamma of Khon Kaen Provincial Administrative Organization, classified by sex, age, level of education, jobs, government, income, and experience, (4) To study guidelines for development of the administration of Khon Kaen Provincial Administrative Organization. This research study was conducted by the Mixed Method, Quantitative Research and Qualitative research. The populations of this research were Khon Kaen Provincial Administrative Organization staff of 135 people. The research tool was a questionnaire. Completed data were analyzed using SPSS for Social Science Research to determine the frequency, Percentage, Mean, S.D., t-test, and the Analysis One way ANOVA. And for the Qualitative research interviews were conducted using as a research tool an In- Depth interview form with Key informants number 5 persons and the Content Analysis was presented in a descriptive form. The findings of this study are as follows: 1) Most respondents were male aged 50-49 years, the level of education was bachelor’s degree, employed in the government service, have an official position, having an income of 20,000 baht or more, timing of tenure 1-5 years. 2) Staff reviews the administration by the main Aparihaniyadhamma of Khon Kaen Provincial Administrative Organization were at the highest level (X ̅ = 4.56) when considered each side it was found that the opinion of employees towards Administration by the Aparihaniyadhamma were at the highest level on all sides. On average of descending order are: Obeisance to the bosses, honor the Protection of Women's Rights, aspect to promote and preserve the cultural and traditional morality, aspects of good protection, the aspect of simultaneously meeting, the aspect of regular meeting, and the aspect of non-canonical arbitrary or abandonment provisions following order. 3) Regarding the employees with gender difference and different sections opinions to the administration by the main Aparihaniyadhamma of Khon Kaen Provincial Administrative Organization displayed the difference of idea, and different hypothesis. The staff with age, level of education, job, monthly income, and the lifetime difference, there are opinion to the administration by the main Aparihaniyadhamma of Khon Kaen Provincial Administration Organization not different, therefore reject the hypothesis. 4) Guidelines on the management of Khon Kaen Provincial Administration Organization found that it should strengthen knowledge and understanding to employees in the side navigating Aparihaniyadhamma 7 used to working for even more, should encourage the participation of more than work for their own benefit, not exploitation of the job, should be carefully selected personnel with knowledge meets the characteristics of work, should encourage and support employees administration of Khon Kaen have the opportunity to develop their ability to work both in the organization and outside the organization even more. And should create a development environment to work, contributing to the work and activities of the organization to develop to be modern and more attractive.

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, สำนักหอสมุดและเทคโนโลยีสารสนเทศ

Address: กรุงเทพมหานคร

Email: library@mcu.ac.th

Name: ชาญชัย ฮวดศรี

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Name: ปัญญา คล้ายเดช

Issued: 2557-12-28

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

tha

DegreeName: พุทธศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์

Grantor: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

©copyrights มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

ใช้เวลา

0.016041 วินาที