การวิเคราะห์โครงสร้างเครนด้วยวิธีไฟไนต์เอเลเมนต์

Crane structure analysis by finite element method

Name: ชัยยันต์ ใจบุญมา

ThaSH: การวิเคราะห์โครงสร้าง (วิศวกรรมศาสตร์)

ThaSH: ปั้นจั่น

ThaSH: ไฟไนต์เอลิเมนต์

Abstract: วัตถุประสงค์ของงานวิจัยนี้เพื่อศึกษาความเค้นในโครงสร้างปั้นจั่นยกตู้สินค้า (Ship-to- Shore Gantry Crane) โดยวิธีจำลองแบบ และคำนวณด้วยโปรแกรมไฟไนต์เอเลเมนต์ โครงสร้างปั้นจั่นฯ ทำด้วยเหล็กรูปพรรณรีดร้อน (SM 490) มีขนาดเท่ากับ 30 x 75 x 42 เมตร โดยแบ่งการวิเคราะห์ออกเป็น 2 ลักษณะ คือลักษณะโครงสร้างปั้นจั่นฯ ทำงานปกติ และ โครงสร้างปั้นจั่นฯ หยุดการทำงาน โครงสร้างปั้นจั่นฯ ทำงานปกติ พิจารณาสภาวะภาระหยุดนิ่ง 7 ตำแหน่งภาระกระทำ แบบไม่มีความเร็วลม และแบบมีความเร็วลมปะทะ 16 m/s ลักษณะ โครงสร้างปั้นจั่นฯ หยุดการทำงานแบบที่ 1 พิจารณาสภาวะภาระหยุดนิ่ง 7 ตำแหน่งภาระ กระทำ ค้างภาระไว้ มีความเร็วลมปะทะ 35 m/s และลักษณะโครงสร้างปั้นจั่นฯ หยุดการทำงาน แบบที่ 2 ไม่มีภาระภายนอก มีความเร็วลมปะทะ 48 m/s ผลการวิเคราะห์โครงสร้างปั้นจั่นฯ ทำงานปกติจากไฟไนต์เอเลเมนต์พบว่าความเค้น สูงสุดเกิดขึ้นที่ตัวดึง Boom (Forestay) เท่ากับ 238.84 MPa และระยะกระจัดสูงสุดเกิดขึ้นที่ ตำแหน่งปลาย Boom เท่ากับ 160.47 มิลลิเมตร ผลการวิเคราะห์โครงสร้างปั้นจั่นฯ หยุดการ ทำงาน ชุดฐานล้อ และจุดต่อระหว่าง Boom กับ Girder ของโครงสร้างปั้นจั่นฯ ยังอยู่ในช่วง ยืดหยุ่นเชิงเส้น มีความแข็งแรงเพียงพอต่อการทำงาน และผลการคำนวณขาของโครงสร้าง ปั้นจั่นฯ ปลอดภัยจากการโก่งงอ

Abstract: The objective of thesis this study was to analyze the stresses in a ship-to-shoe gantry crane by using a finite element method. The crane structure was made of steel (SM490) and sized of 30x75x42-meter. The crane structure was analyzed in two ways called the in-service and out-of-service structures. The in-service structure was loaded in 7 positions with no wind and wind velocity at 16 m/s acting on its structure. The outof- service structure was divided as in CASE-1 and CASE-2. In CASE-1 the structure was loaded in 7 positions with wind velocity at 35 m/s. In CASE-2 the loads was taken off and the boom of the crane was hold-up with wind velocity at 48 m/s. The results on the in-service structure shown that the maximum stress was 238.84 MPa on the forestay and displacement maximum was 164.47 mm at the boom end part. The results on the out-of-service structure also shown that the linearity of the stress-stain curve was not violated on the basement and the buckling load of the crane.

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ. สำนักหอสมุดกลาง

Address: กรุงเทพมหานคร

Email: library@kmutnb.ac.th

Name: วิรัตน์ จอมขวา

Role: ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์

Email : vrc@kmutnb.ac.th

Name: สุรพล สินธุวณิชย์

Role: ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์

Created: 2551

Modified: 2567-08-08

Issued: 2552-06-05

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

CallNumber: วพ MME ช418จ

tha

DegreeName: ครุศาสตร์อุตสาหกรรมมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: วิศวกรรมเครื่องกล

Grantor: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

©copyrights มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	B15117340.pdf	2.05 MB

ใช้เวลา

0.031306 วินาที