ประสิทธิผลการบริหารกิจการคณะสงฆ์ของพระสังฆาธิการในอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

Name: พระฐิติรัฐ ฐิตเปโม (รินสาร)

keyword: กิจการคณะสงฆ์

; ประสิทธิผลการบริหาร

; พระสังฆาธิการ

; อำเภอปากช่อง

Abstract: การวิจัยเรื่อง “ประสิทธิผลการบริหารกิจการคณะสงฆ์ของพระสังฆาธิการ ในอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา” มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาความคิดเห็น ของพระสังฆาธิการและพระสงฆ์ ต่อประสิทธิผลการบริหารกิจการคณะสงฆ์ของพระสังฆาธิการ ในอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา (2) เพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของพระสังฆาธิการและพระสงฆ์ต่อประสิทธิผลการบริหารกิจการคณะสงฆ์ของพระสังฆาธิการ ในอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา และ (3) เพื่อศึกษา ปัญหา อุปสรรคและ ข้อเสนอแนะ ต่อประสิทธิผลการบริหารกิจการคณะสงฆ์ ของพระสังฆาธิการ ในอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ดำเนินการวิจัยโดยวิธีวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research) เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่าง ที่เป็นพระสังฆาธิการและพระภิกษุสงฆ์ ในอำเภอปากช่อง จำนวน 5 ตำบล ทั้งหมดจำนวน 222 รูป สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าความถี่และค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)และสถิติเชิงอนุมานคือสถิติทดสอบค่าที (t – test) และสถิติการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One – Way Analysis of Variance : ANOVA ) โดยใช้โปรแกรมวิเคราะห์สถิติสำเร็จรูป ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิผลการบริหารกิจการคณะสงฆ์ของพระสังฆาธิการ ในอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา : กรณีศึกษาพระสังฆาธิการในเขตปกครองอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 5 ตำบล โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านแล้ว พบว่า อยู่ในระดับมาก เรียงลำดับตามค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อยดังนี้ (1) ด้านสาธารณะสงเคราะห์, (2) ด้านสาธารณูปการ, (3) ด้านการปกครอง, (4) ด้านการศาสนศึกษา, (5) ด้านการศึกษาสงเคราะห์ และ (6) ด้านการเผยแผ่ ตามลำดับ 2) ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบ ประสิทธิผล การบริหารกิจการคณะสงฆ์ของพระสังฆาธิการ : กรณีศึกษาพระสังฆาธิการในเขตปกครอง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมาจำนวน 5 ตำบล เมื่อจำแนกตามคุณลักษณะส่วนบุคคล พบว่า พระภิกษุที่มี อายุ พรรษา ตำแหน่ง วุฒิการศึกษาสามัญ วุฒิการศึกษาทางธรรม และ วุฒิการศึกทางบาลี มีความคิดเห็นต่อประสิทธิผลการบริหารกิจการคณะสงฆ์ของพระสังฆาธิการ :กรณีศึกษาพระสังฆาธิการในเขตปกครอง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 5 ตำบล โดยภาพรวมและรายด้านไม่ได้แตกต่างกันจึงปฏิเสธสมมติฐานการวิจัย 3) ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับประสิทธิผลการบริหารกิจการคณะสงฆ์ของพระสังฆาธิการ :กรณีศึกษา พระสังฆาธิการในเขตปกครองอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 5 ตำบล พบว่า (1) ด้านการปกครองควรส่งเสริมผู้มีความสามารถเหมาะสมเข้ามาบริหารปกครองด้วยหลักธรรมและดูแลพระภิกษุสงฆ์ให้ทั่วถึง มีบทลงโทษที่จริงจังและควรจัดให้มีการประชุมหมู่คณะกันบ่อย ๆ เพื่อจะได้ปรับปรุงแก้ไขในสิ่งที่มีดี (2) ด้านการศาสนศึกษา ควรส่งเสริมให้พระสงฆ์ทุกรูปในวัดได้เรียนพระธรรมวินัยอย่างเป็นประจำ ปรับปรุงให้มีการคิดเห็นเกี่ยวกับการศึกษาภาษาบาลี และให้พระภิกษุศึกษาหลักพระธรรมวินัยให้มากขึ้น (3) ด้านการศึกษาสงเคราะห์ควรมีการจัดตั้งทุนให้พระภิกษุสามเณรศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นและควรจัดการศึกษาที่เน้นปลูกฝังเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ทางด้านจริยธรรมและให้เข้าใจพระพุทธศาสนา (4) ด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ควรนำสื่อรูปแบบต่างๆ มาประยุกต์ใช้ในการเผยแผ่และให้โอกาสพระภิกษุที่มีความรู้ความสามารถด้าน การเผยแผ่ได้ทำหน้าที่เผยแผ่ธรรมแก่ประชาชนเป็นประจำ (5) ด้านการสาธารณูปการ ควรจัดตั้งกองทุนและมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลด้านนี้โดยเฉพาะควรทำงานให้รวดเร็วขึ้นและควรจัดการศาสนสมบัติอย่างมีระเบียบและ (6) ด้านการสาธารณสงเคราะห์ควรกำหนดแผนงานในด้านงานสาธารณะสงเคราะห์เป็นประจำให้สถานที่แก่การบำเพ็ญกุศลแก่ประชาชนทุกคนและควรสร้างสถานสงเคราะห์ให้กับคนยากไร้เช่นโรงทาน ถนน สถานพยาบาล หรือบ้านพักคนชราเป็นต้น

Abstract: The main objectives of research entitled “the Sangha Administration Effectiveness of Sangha Administrators in Pakchong District Nakornrajchasima Province” were: 1) to study the level of Sangha administration effectiveness of Sangha administrators in Pakchong District, Nakornrajchasima Province; 2) to compare the level of Sangha administration effectiveness of Sangha administrators in Pakchong District, Nakornrajchasima Province, classified by personal factora; and 3 ) to present the suggestions for improvement of Sangha administration effectiveness of Sangha administrators in Pakchong District Nakornrajchasima Province. The survey research was conducted in this study. The sample consisted of Sangha administrators in Pakchong District, Nakornrajchasima Province. The tools used for data collection were questionnaire and interview schedule. The statistics used for data analysis were the frequency, percentage, mean, standard deviation, t-test and analysis ANOVA (One way analysis of variance). The results of this research revealed that: 1. The overall levels of Sangha administration effectiveness of Sangha administrators in Pakchong District Nakornrajchasima Province, were found at the high livel. When considered in each aspect, it was noticed at the high levels in all aspects with means ranking from the most to the least as follows: 1) Social Welfares, 2) Public Utility, 3) Administration, 4) Sangha Education, 5) Educational Welfare, and 6) Propagation of Buddhism, respectively. 2. With regard to comparison of the level of Sangha administration effectiveness of Sangha administrators in Pakchong District Nakornrajchasima Province, classified by personal factors, it was found that personal factors such as age, year of ordination, and position, level of general education, level of Dhamma studies, and Pali studies, were not statistically significant difference, so the relevant hypotheses set forth could be rejected. 3. Suggestions for improvement of Sangha administration effectiveness of Sangha administrators in Pakchong District Nakornrajchasima Province, were presented as follows: 1) in administrative aspect , efficient monks should be supported to righteously administer the temple and take care of all monks and novices living in the temple, there should punishment for those who broke the rules and the regular meeting should be conducted for improvement; 2) in Sangha education, Dhamma,Pali and Dhamma and Vinaya studies should be promoted and all monks and novices should be encouraged to study; 3) in educational welfare ,educational fund should be founded for higher education and education for children and youth should be conducted for the sake of inculcation of morality and ethics and Buddhism; 4) in propagation of Buddhism, new media and innovations should applied for propagation of Buddhism and opportunities for these should be given for those who have competencies to do; 5) in public utilities there should establish the fund for making public utilities with the staffs and the works should be done quickly and Sangha properties should be managed rightly; and 6) in social welfare, the regular plan of social welfare should be done, merit making places should be provided for the public and welfare places for the needed and aging persons such as hospital and aging house should be constructed.

Mahachulalongkornrajavidyalaya University

Address: BANGKOK

Email: library@mcu.ac.th

Name: สุรพล สุยะพรหม

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Name: พระมหาบุญเลิศ อินทปญฺโญ

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Name: เติมศักดิ์ ทองอินทร์

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Modified: 2568-10-11

Created: 2555

Issued: 2556-09-09

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

tha

DegreeName: พุทธศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: สาขาวิชาการจัดการเชิงพุทธ

©copyrights มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	พระฐิติรัฐ ฐิตเปโม (รินสาร).pdf	2.92 MB

ใช้เวลา

0.026311 วินาที