การจัดลำดับการผลิตและการจัดตารางการผลิตแบบพหุเกณฑ์โดยใช้วิธัการกระบวนการลำดับขั้นเชิงวิเคราะห์ : กรณีศึกษาโรงงานเฟอร์นิเจอร์
Multi-objective production scheduling and sequencing using an analytical hierarchy process (AHP) method : a case study of a furniture factory
Abstract:
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาในการวางแผนและจัดตารางการผลิตเพื่อลดจำนวนงานล่าช้า รวมทั้งเพิ่มผลิตภาพในการจัดตารางการผลิตให้แก่โรงงานที่เป็นกรณีศึกษาโดยนำโปรแกรม (Interactive Production Scheduling & Sequencing Software: IPSS) และกระบวนการลำดับขั้นเชิงวิเคราะห์ (Analytical Hierarchy Process: AHP) มาเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์
ขอบเขตของงานวิจัยจะพิจารณาจากตัววัดผลของจำนวนงานล่าช้า (Number of Tardy Jobs) เวลางานล่าช้า (Total Tardiness) เวลารวมที่งานจะเสร็จก่อน (Total Earliness) และผลรวมเวลาที่งานอยู่ในระบบ (Total Flow Time) เป็นตัวชี้วัดสำคัญ ซึ่งโรงงานที่เป็นกรณีศึกษานี้เป็นประเภทโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ตามคำสั่งของลูกค้า โดยจะใช้กฎและวิธีการจัดตารางการผลิตแบบนอนดีเลย์มาทำการทดลองมีทั้งหมดอยู่ 7 วิธี ได้แก่ กฎ (Earliest Due Date: EDD), กฎ (Least Work Remaining: LWKR), กฎ (Most Work Remaining: MWKR), กฎ (Most Operation Remaining: MOPNR), กฎ (Smallest Value Obtained by Multiplying Processing Time with Total Processing Time: SMT), กฎ (Shortest Processing Time: SPT) และ กฎ (Shortest Total Processing Time: STPT) ซึ่งค่าเฉลี่ยของคะแนนประเมินเมื่อพิจารณาจากการวิเคราะห์การตัดสินใจแบบพหุเกณฑ์ ค่า Preference Score 3 อันดับแรกที่ได้จากการใช้โปรแกรม AHP แสดงดังต่อไปนี้ คือ กฎ LWKR อยู่ที่ 0.18102 กฎ EDD อยู่ที่ 0.16406 และ กฎ STPT อยู่ที่ 0.16376 ตามลำดับ
ผลการใช้งานโปรแกรม IPSS กฎการจัดตารางการผลิตที่เหมาะสมสำหรับโรงงานที่เป็นกรณีศึกษาในงานวิจัยนี้ คือ ตารางการผลิตแบบนอนดีเลย์โดยใช้กฎ LWKR ซึ่งเป็นกฎที่ใช้ในการจัดตารางการผลิตที่มีผลต่อจัดตารางการผลิตในการทดลองเป็นแบบพหุเกณฑ์ (Muti-objective Scheduling) ในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2553 พบว่า สามารถลดค่าเฉลี่ยจำนวนงานล่าช้าได้ดังนี้ คือ จำนวนงานล่าช้าลดลง 11.06 เปอร์เซ็นต์ และสามารถลดเวลาการวางแผนการผลิตลงได้ 50 เปอร์เซ็นต์
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์. ศูนย์สนเทศและหอสมุด
CallNumber:
วพ658.53 บ426ก
©copyrights มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์