Abstract:
การศึกษาเรื่อง การบริหารงานวิชาการของโรงเรียนที่จัดการศึกษาช่วงชั้นที่ 1-2
ในอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา วัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนที่
จัดการศึกษาช่วงชั้นที่ 1-2 ในอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา 2) เพื่อเปรียบเทียบการบริหารงาน
วิชาการของโรงเรียนที่จัดการศึกษาช่วงชั้นที่ 1-2 ในอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา 3) เพื่อศึกษา
แนวทางการพัฒนาการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนที่จัดการศึกษาช่วงชั้นที่ 1-2 ในอำเภอ
ตะกั่วป่า จังหวัดพังงา การศึกษาและเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้ตอบสอบถามเกี่ยวกับ
การบริหารงานวิชาการของโรงเรียน จำแนกตามสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถามด้านเพศ อายุ
ระดับการศึกษา ตำแหน่งหน้าที่ และสังกัด เป็นการวิจัยเชิงสำรวจกับกลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้บริหาร
จำนวน 27 คน ครูผู้สอน 126 คน รวมเป็น 153 คน เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลเป็น
แบบสอบถามที่มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.98 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ การหาค่าความถี่
ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบที การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว
และวิเคราะห์รายคู่โดยวิธีเชฟเฟ การศึกษาแนวทางการพัฒนาการบริหารงานวิชาการของ
โรงเรียน ผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ผู้บริหารโรงเรียนและรองผู้บริหารโรงเรียน จำนวน 5 คน เก็บรวบรวม
ข้อมูลโดยใช้แบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลโดย การวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการศึกษาพบว่า
1. การบริหารงานวิชาการของโรงเรียนที่จัดการศึกษาช่วงชั้นที่ 1-2 ในอำเภอ
ตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ในภาพรวมนั้นอยู่ในระดับการปฏิบัติมาก ค่าเฉลี่ย 3.62 ส่วนเบี่ยงเบน
มาตรฐาน 0.53 และเมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า อยู่ในระดับการปฏิบัติมากเป็นลำดับที่ 1 คือ
ด้านการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ รองลงมาคือ ด้านการการวัดผลประเมินผลและเทียบโอนผล
การเรียน ส่วนด้านการประสานความร่วมมือในการพัฒนาวิชาการกับสถานศึกษาและองค์อื่นเป็น
ลำดับสุดท้าย
2. ผลการเปรียบเทียบการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนที่จัดการศึกษาช่วงชั้นท ี่
1-2 ในอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา
1) ผู้ตอบแบบสอบถามที่มีเพศต่างกัน มีความคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารงาน
วิชาการของโรงเรียนที่จัดการศึกษาช่วงชั้นที่ 1-2 ในอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา โดยภาพรวมและ
รายด้าน ไม่แตกต่างกัน
2) ผู้ตอบแบบสอบถามที่มีอายุต่างกันมีความคิดเห็นคิดเห็นเกี่ยวกับ
การบริหารงานวิชาการของโรงเรียนที่จัดการศึกษาช่วงชั้นที่ 1-2 ในอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา
โดยภาพรวม แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ด้านการพัฒนาหลักสูตร ด้าน
การวัดผล ประเมินผลและการเทียบโอนผลการเรียน ด้านการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ ด้านการแนะแนว
การศึกษา ด้านการพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ด้านการส่งเสริมความรู้ทาง
วิชาการแก่ชุมชน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ด้านการวิจัยเพื่อพัฒนา
คุณภาพการศึกษา ด้านการนิเทศการศึกษา แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3) ผู้ตอบแบบสอบถามที่มีระดับการศึกษาต่างกัน มีความคิดเห็นเกี่ยวกับ
การบริหารงานวิชาการของโรงเรียนที่จัดการศึกษาช่วงชั้นที่ 1-2 ในอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา
โดยภาพรวมและรายด้าน ไม่แตกต่างกัน
4) ผู้ตอบแบบสอบถามที่มีตำแหน่งหน้าที่ต่างกัน มีความคิดเห็นเกี่ยวกับ
การบริหารงานวิชาการของโรงเรียนที่จัดการศึกษาช่วงชั้นที่ 1-2 ในอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา
โดยภาพรวมและรายด้าน ไม่แตกต่างกัน
5) ผู้ตอบสอบถามที่มีสังกัดต่างกัน มีความคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารงาน
วิชาการของโรงเรียนที่จัดการศึกษาช่วงชั้นที่ 1-2 ในอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา โดยภาพรวม
แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ด้านการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา และด้าน
การวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ด้าน
การนิเทศการศึกษา แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001
3. แนวทางการพัฒนาการบริหารงานวิชาการ
1) ควรวิเคราะห์หลักสูตร สาระแกนกลาง สภาพปัญหา ความต้องการของ
สังคม ชุมชน และท้องถิ่น วิเคราะห์สภาพแวดล้อมโรงเรียนแล้วกำหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ
เป้าหมาย คุณลักษณะอันพึงประสงค์โดยชุมชนมีส่วนร่วม
2) ควรส่งเสริมให้ครูจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
3) ควรกำหนดระเบียบแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการวัดผลของโรงเรียนให้ชัดเจน
This research study investigated academic administration for ranges 1-2
educational management in Takuapa District Schools, Phang-Nga Province. Here are
three purposes for the study. They are: 1) to examine schools academic administration,
2) to compare academic administration among schools in Takuapa area, and 3) to
explore ways of school development in educational management. A questionnaire with
the reliability of 0.98 was distributed to 27 principals and 126 teachers. Data analysis
employed frequency, percentage, means, and standard deviation including t-test, Oneway
ANOVA and Scheffe method for multiple comparisons. An interview was conducted
with 5 principals using content analysis.
Three major findings revealed as the followings:
1) Teachers overall perceptions towards academic administration in
educational management or ranges 1and 2 were at high levels ( X = 3.62, S.D. = 0.53).
In particular aspects, learning process development was ranked the most, followed by
measurement, evaluation and transferring of learning, and finally cooperating in school
academic development.
2) Findings about comparison of academic administration among schools
in Takuapa district showed 4 results. Firstly, it was not significant relating to respondents
with different sexes both overall and particular perceptions. Secondly, concerning
different ages, three results of comparison showed that : 1) it was statistically significant
at the level of .01 for overall perceptions; 2) it was statistically significant at the level of
.05 in 6 aspects which were school curriculum development, learning measurement,
evaluation, and transferring, learning resources development, educational supervision,
development system of quality assurance, and enhancing community academic
knowledge; and 3) it was statistically significant at the level of .01 in two aspects which
were educational research development and supervision. Thirdly, relating to respondents
with different educational backgrounds and positions, it was not significant both overall
and specific aspects. Lastly, according to respondents under different organizations
it was statistically significant at the level of .05 in 2 aspects, that is, school curriculum
development and educational research development whereas in supervision, it was
statistically significant at the level of .01.
3) Results from interview showed three recommendations for school
development in academic administration. They were: 1) curriculum analysis including
core content, state and problems, social and local needs. Also, there should be an
analysis of school context involving community participation before setting school vision,
mission, goal, and required attributes; 2) enhancing teachers in writing learner-centered
lesson planning: and 3) defining school regulations for learning evaluation.