การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมหัวหน้างานเพื่อพัฒนาหลักสูตรการสอนงานปฏิบัติในสถานประกอบการ

A training program development for supervisors to develop a job instruction course in establishments

Name: อัคครัตน์ พูลกระจ่าง

ThaSH: การฝึกอบรม -- การติดตามผล

ThaSH: การฝึกอบรม -- หลักสูตร

ThaSH: การวางแผนหลักสูตร

ThaSH: หัวหน้างาน -- การฝึกอบรม -- หลักสูตร

Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมหัวหน้างานเพื่อพัฒนาหลักสูตร การสอนงานปฏิบัติในสถานประกอบการ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ หัวหน้างานใน หน่วยงานที่มีสายการบังคับบัญชาในสถานประกอบการ ประเภทอุตสาหกรรม จำนวน 16 คน โดยใช้ ระเบียบวิธีการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) โดยในขั้นตอนการวิจัย ได้นำหลักสูตร ฝึกอบรมที่สร้างขึ้นไปใช้เก็บข้อมูลกับกลุ่มตัวอย่างจำนวน 10 คน และในขั้นตอนการพัฒนา ผู้วิจัยได้นำ ผลที่ได้จากขั้นการวิจัยมาปรับปรุงหลักสูตรฝึกอบรม จากนั้นนำหลักสูตรฝึกอบรมที่ผ่านการปรับปรุง ไปใช้เก็บข้อมูลกับกลุ่มตัวอย่างจำนวน 6 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบฝึกหัด แบบทดสอบ จำนวนอย่างละ 9 ชุด แบบประเมินการสอนงานปฏิบัติ จำนวน 1 ชุด และแบบสอบถาม เพื่อติดตามและประเมินผลหลักสูตร แบบประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 3 ชุด การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ โปรแกรมสำเร็จรูป SPSS การประเมินหลักสูตรฝึกอบรมผู้วิจัยได้นำรูปแบบซิป (CIPP Model) ของ Danial L Stufflebeam มาใช้ประเมินหลักสูตรฝึกอบรมทุกขั้นตอน ผลการวิจัยพบว่า จากการนำหลักสูตรฝึกอบรมไปใช้จริงกับกลุ่มตัวอย่าง ในขั้นตอนการวิจัย (Research)พบว่าประสิทธิภาพของหลักสูตรฝึกอบรมในภาคทฤษฎีมีผลสัมฤทธิ์เฉลี่ยร้อยละ75.22/75.62 ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ของสมมุติฐานที่ตั้งไว้ ร้อยละ 80/80 และในภาคปฏิบัติมีผลสัมฤทธิ์เฉลี่ยร้อยละ78.55 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ของสมมุติฐานที่ตั้งไว้ร้อยละ 75 และในขั้นตอนการพัฒนา (Development) พบว่า ประสิทธิภาพของหลักสูตรฝึกอบรมในภาคทฤษฎีมีผลสัมฤทธิ์เฉลี่ยร้อยละ 86.85/80.72 ซึ่งสูงกว่า เกณฑ์ของสมมุติฐานที่ตั้งไว้ร้อยละ 80/80 และในภาคปฏิบัติมีผลสัมฤทธิ์เฉลี่ยร้อยละ 80 ซึ่งสูงกว่า เกณฑ์ของสมมุติฐานที่ตั้งไว้ร้อยละ 75 ผลการประเมินการจัดฝึกอบรมจากความคิดเห็นของหัวหน้างาน ที่เข้าอบรม ในขั้นตอนการวิจัยและการพัฒนา พบว่า ผู้เข้าอบรมมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดฝึกอบรม การจัดทำหลักสูตรการสอนงานปฏิบัติมีความเหมาะสมตรงกันในระดับมาก การติดตามผลการประเมินการสอนงานปฏิบัติของหัวหน้างาน ที่เข้ารับการฝึกอบรมภายหลังจากที่ ฝึกอบรมเสร็จสิ้นแล้วไม่น้อยกว่า 2 เดือน โดยทำการประเมิน 2 ครั้ง คือ การประเมินในขั้นตอนการวิจัย และการพัฒนาโดยให้หัวหน้างานที่อยู่ในกลุ่มผลัดกันประเมินผลการสอนงานปฏิบัติ พบว่า ผลการสอน งานปฏิบัติให้กับพนักงานในหน่วยงานจากชุดฝึกอบรมที่สร้างขึ้นอยู่ในระดับดีทุกคน การติดตามผล สำหรับผู้บังคับบัญชาของหัวหน้างานที่เข้ารับการฝึกอบรมทั้งในขั้นตอนการวิจัยและการพัฒนา พบว่า ผู้บังคับบัญชาของหัวหน้างานที่เข้าฝึกอบรม มีความคิดเห็นเกี่ยวกับการนำเอาความรู้และทักษะที่ได้จาก การฝึกอบรมไปใช้ในการจัดทำหลักสูตรและชุดฝึกอบรมเพื่อสอนงานปฏิบัติ มีความเหมาะสมตรงกัน ในระดับมาก และการติดตามผลสำหรับพนักงานที่ผ่านการสอนงานปฏิบัติจากหัวหน้างานทั้งในขั้น การวิจัยและการพัฒนา พบว่า พนักงานที่ผ่านการสอนงานปฏิบัติจากหัวหน้างานมีความคิดเห็นเกี่ยวกับ การจัดทำหลักสูตรและชุดฝึกอบรมการสอนงานปฏิบัติมีความเหมาะสมตรงกันในระดับมาก

Abstract: The purpose of this study was to construct a training program to equip supervisors with an ability to develop a job instruction course for their own establishments. The subjects of this study were 16 supervisors in industrial establishments. The research and development method was applied to this study whereby the constructed training program was tried with 10 subjects at the research stage. The results obtained from the first subject group were used to improve the program at the development stage. Six subjects were tried with the improved training program. Nine exercises and tests, one job instruction evaluation form, and three sets of questionnaire for following up and evaluating the program were used to collect the data. SPSS software was used to analyze the data while Stufflebeam’s CIPP Model was employed to evaluate every stage of the training program. At the initial trial stage, it was found that the efficiency of the theoretical part of the program was 75.22/75.62 which was lower than the set criterion of 80/80, while that of the practice part was 78.55 which was higher than the set criterion of 75. The trial at the development stage indicated that the efficiency of the theoretical part of the program increased up to 86.85/80.72 and that of the practical part was up to 80, both of which were higher than the set criteria. The investigation of the trainees’ opinions towards the program revealed that all of them thought that the program was highly appropriate. The follow-up and evaluation were undertaken twice two months after the training. At the research and development stage, the supervisors participating in the training were assigned to take turn in evaluating their job instruction using the developed program. The evaluation showed that everyone’s performance was as good. For following up the subjects of the study, their supervisors’ opinions were investigated. It was found that the subjects could apply the knowledge and skills obtained from the training to their job instruction course very appropriately. In addition, the employees trained by the subjects expressed that the job instruction course provided by the trained supervisors was appropriate at a high level.

สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ. สำนักหอสมุดกลาง

Address: กรุงเทพมหานคร

Email: library@kmutnb.ac.th

Name: พิสิฐ เมธาภัทร

Role: ที่ปรึกษาดุษฎีนิพนธ์

Email : pmtp@kmitnb.ac.th

Name: ไพโรจน์ สถิรยากร

Role: ที่ปรึกษาดุษฎีนิพนธ์

Email : prs@kmitnb.ac.th

Created: 2550

Issued: 2550-12-03

Modified: 2567-06-12

วิทยานิพนธ์/Thesis

CallNumber: ดพ DRD อ468พ

tha

DegreeName: ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต

Level: Doctoral Degree

Descipline: บริหารเทคนิคศึกษา สาขาวิจัยและพัฒนาหลักสูตร

Grantor: สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

©copyrights มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	B14960187.pdf	2.8 MB	11	2025-11-13 14:07:18

ใช้เวลา

0.03364 วินาที