The shock absorbing capability of multi-layered ethylene vinyl acetate in compination with light-polymerized acrylic resin mouthguard

การทดสอบสมรรถภาพในการดูดซึมแรงกระแทกของสิ่งกันฟันกระแทกชนิดหลายชั้นที่ทำจากเอธิลีนไวนิลอะซิเตดร่วมกับอะคริลิกเรซินชนิดบ่มตัวด้วยแสง

Name: Arunee Tirasriwat

LCSH: Ethylene Vinyl Acetate

LCSH: Mouth protectors

LCSH: Shock absorbers

Abstract: Accidents during contact sport activities are one of the causes of orofacial trauma. Many types of sports activities put participants at risk of orofacial injury. Retrospective surveys of various groups of athletes have found that 10 to 61 % have experienced at least one orofacial injury during their participation. However, most of these types of injuries can be prevented with the use of properly fitted protective athletic equipment. The majority of research studies suggest that an adequate thickness of Ethylene Vinyl Acetate (EVA) mouthguard is 4 mm. Yet, 4 mm is too large and would also be unsuitable neurophysiologically. It is necessary to consider player comfort in addition to the energy absorption ability when determining the thickness required for a mouthguard. Thus, new designs and material development of mouthguards are necessary to fulfill this requirement. The purpose of the study was to evaluate and compare two new mouthguard designs both using a combination of EVA and light-polymerized acrylic resin, one being a hard insertion model and the other a soft insertion model. A conventional EVA mouthguard was used as a control. The mouthguards were evaluated by using a load cell transducer with different total thicknesses of 3, 4 and 5 mm. The results showed that the conventional EVA had greater shock absorbing capability than 2 new designs. Light-polymerized acrylic resin may be too rigid to be used with EVA. Further study should be done to identify materials or combinations of material that would improve shock absorbing capability.

Abstract: อุบัติเหตุจากการเล่นกีฬาเป็นหนึ่งในสาเหตุของการบาดเจ็บบริเวณใบหน้าและขากรรไกร มีกีฬาหลายชนิด ที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวได้โดยง่าย การสำรวจย้อนหลังในนักกีฬาหลายกลุ่มตัวอย่าง พบว่า 10-61% เคย ได้รับอุบัติเหตุบริเวณใบหน้าและขากรรไกรมาแล้วอย่างน้อยหนึ่งครั้งขณะแข่งขัน อย่างไรก็ดี ปัญหาดังกล่าวสามารถ ป้องกันได้ด้วยการใส่เครื่องมือป้องกันที่เหมาะสมและมีความพอดี งานวิจัยที่ค้นคว้าส่วนใหญ่แนะนำให้นักกีฬาสวมใส่สิ่ง กันฟันกระแทกที่ทำด้วยวัสดุเอธิลีนไวนิลอะซิเตดที่มีความหนาอย่างน้อย 4 มิลลิเมตร ซึ่งจะมีความสามารถที่จะป้องกัน และลดแรงกระแทกที่จะมีต่อฟันได้ หากแต่ที่ความหนาดังกล่าวไม่เหมาะสมในเชิงประสาทสรีระวิทยาต่อขากรรไกรและ กล้ามเนื้อ อีกทั้งความสบายในการสวมใส่ของผู้ใช้ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ควรคำนึงถึงนอกเหนือจากความสามารถในการลดแรง กระแทกดังกล่าว ดังนั้นการคิดค้นรูปแบบของสิ่งกันกระแทกฟันหรือการพัฒนาวัสดุสำหรับผลิตใหม่ๆจึงจำเป็นเพื่อเติม เต็มความต้องการทั้งสองด้านที่ได้กล่าวไปแล้ว การทดลองนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินและเปรียบเทียบรูปแบบสิ่งกันกระแทกฟันที่มีวัสดุเอธิลีนไวนิลอะ ซิเตดมาใช้ร่วมกับอะคริลิกเรซินชนิดบ่มตัวด้วยแสง ทั้งแบบที่มีส่วนแข็ง (อะคริลิกเรซินชนิดบ่มตัวด้วยแสง) อยู่ด้านใน และแบบที่มีส่วนนิ่ม (เอธิลีนไวนิลอะซิเตด) อยู่ด้านใน เปรียบเทียบกับวัสดุมาตรฐานเอธิลีนไวนิลอะซิเตดที่ใช้สำหรับการ ทำสิ่งกันกระแทกฟันอยู่ในปัจจุบัน ทดสอบโดยการใช้ตัวแรกสัญญาณชนิดโหลดเซลล์ (load cell transducer) ที่ความหนา 3, 4 และ 5 มิลลิเมตร ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่าวัสดุมาตรฐานเอธิลีนไวนิลอะซิเตดมีความสามารถในการลดแรงกระแทกได้ ดีกว่ารูปแบบใหม่ทั้งสองประเภท ซึ่งอาจเป็นผลมาจากคุณสมบัติที่มีความแข็งมากเกินไปของอะคริลิกเรซินเมื่อนำมาใช้ ร่วมกับเอธิลีนไวนิลอะซิเตด จึงควรมีการศึกษาเพิ่มเติมในอนาคตเพื่อค้นหารูปแบบ รวมทั้งวัสดุที่เหมาะสมสำหรับการทำ สิ่งกันฟันกระแทกต่อไป

Mahidol University

Address: NAKHONPATHOM

Email: liwww@mahidol.ac.th

Name: Somchai Urapepon

Role: Thesis Advisors

Created: 2009

Modified: 2553-06-30

Issued: 2010-06-29

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

CallNumber: TH A793s 2009

eng

DegreeName: Master of Science

Level: Master's Degree

Descipline: Maxillofacial Prosthetics

Grantor: Mahidol University

©copyrights Mahidol University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	4938028.pdf	1.44 MB	14	2019-03-23 15:42:45

ใช้เวลา

0.406791 วินาที