A research study on the relationship between the religiosity and alcohol drinking of young students : a case study of the first year students at Mahidol University

การศึกษาวิจัยความสัมพันธ์ระหว่างศาสนภาพและการเสพสุราของเยาวชน : ศึกษากรณีของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยมหิดล

Name: Phramaha Phromphisit Phanchan

LCSH: Alcoholism -- Religious aspects -- Buddhism

LCSH: Drinking of alcoholic beverages -- Religious aspects

Abstract: This study involves both quantitative research and qualitative research in order to study (1) the teachings of Buddhism and other important religions regarding alcohol drinking and their influences on the attitudes and beliefs of young students and (2) the relationship between the religiosity and alcohol drinking of young students and the role of western culture regarding the alcohol drinking of young students. Documentary research is studied from the Tipitaka, the Commentaries, the Bible, and the Qur’an etc. Field research is conducted from questionnaire of sample groups (400 first year students at Mahidol university) and interviews with sample groups (8 first year students at Mahidol university). Data were collected during January- February, 2006 and were analyzed by descriptive statistics, Pearson Product Moment Correlation Coefficient, and content analysis. The results of the documentary research reveal that Buddhism focuses on the individual, namely, it prohibits alcohol drinking to develop a person’s mind so that he can easily make his mind peaceful and achieve concentration (Samāthi) and finally insight (Paññā). Islam focuses on society, namely, it prohibits alcohol drinking to maintain a person’s life, religion, tribe, and wealth so that he can quickly and widely extend his religion and tribe. Christianity does not prohibit alcohol drinking, if a person drinks in moderation; however it prohibits alcohol drinking to encourage good action so that a person does not commit an offence against the Lord. The results of the field research reveal that, in the questionnaire, most young students’ religiosity is at the medium level and inclines to the low level (65.12%); most of their alcohol drinking’s behavior is at the low level (22.97%); the high level of religiosity is not correlated with the levels of alcohol drinking’s behavior; the medium level of religiosity is positively correlated with the high level of alcohol drinking’s behavior (r= 0.128) and negatively correlated with the low level of alcohol drinking behavior (r= -0.213); and the low level of religiosity is negatively correlated with the high level of alcohol drinking’s behavior (r= - 0.161). The interviews reveal the opinion that a stream of Western culture can have an influence on changing teenage students’ religiosity and alcohol drinking in modern times. Therefore, young students who have religiosity at the low level tend to have alcohol drinking behavior at the high level. They have religiosity at the medium level, they can have alcohol drinking behavior at all levels. And we cannot predict the alcohol drinking behavior, in modern Thai society, of those who have the high level of religiosity. These findings suggest that the government and religious institutions should really cooperate and encourage people to know that the production, selling, and drinking of alcohol are immoral. Although young students have a medium level of religiosity, their religious knowledge and practice are at the low level. Moreover, young students who have the medium and high level of religiosity can also drink alcohol. Therefore, adults should be a good example and seriously and continuously aim to establish religious knowledge and practice in their children as well as general ethics to protect them and help them cope with the situation of the spreading of alcohol drinking at present.

Abstract: การศึกษานี้เป็นการวิจัยทั้งเชิงคุณภาพและปริมาณมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาคำสอนเกี่ยวกับการดื่มสุราของพระพุทธศาสนา และศาสนาที่สำคัญในสังคมไทยที่มีอิทธิพลต่อทัศนคติและความเชื่อของเยาวชน และเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง ศาสนาภาพและการดื่มสุราของเยาวชน รวมทั้งกระแสวัฒนธรรมตะวันตกที่มีต่อการดื่มสุราของเยาวชน การวิจัยภาค เอกสารศึกษาจากคัมภีร์ต่าง ๆเช่น พระไตรปิฎก อรรถกถา คัมภีร์ไบเบิล คัมภีร์อัลกุรอาน เป็นต้น การวิจัยภาคสนามศึกษา จากแบบสอบถามซึ่งกลุ่มตัวอย่างได้แก่นักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยมหิดล จำนวน 400 คน และแบบสัมภาษณ์ กลุ่ม ตัวอย่างได้แก่ นักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยมหิดล จำนวน 8 คน ข้อมูลถูกเก็บรวบรวมในระหว่างเดือนมกราคม ถึง กุมภาพันธ์ 2549 และถูกวิเคราะห์ด้วยสถิติพรรณนา สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน และการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยภาคเอกสารพบว่า พระพุทธศาสนางดเว้นการดื่มสุราโดยมุ่งเน้นไปที่ตัวบุคคล เพื่อต้องการให้มีสติบริบูรณ์ พร้อมที่จะพัฒนาตนเองเข้าสู่ระบบของไตรสิกขาคือ ศีล สมาธิ ปัญญา และสุดท้ายคือเข้าสู่นิพพานได้ง่ายขึ้น ศาสนาอิสลาม ห้ามการดื่มสุราโดยมุ่งเน้นไปที่สังคม เพื่อจะรักษาชีวิต ศาสนา เผ่าพันธุ์ และทรัพย์สิน และเพื่อสามารถเผยแพร่ศาสนา เผ่าพันธุ์ของมุสลิมได้ง่ายและกว้างขวางยิ่งขึ้น คริสต์ศาสนาไม่ห้ามการดื่มสุรา ถ้าบุคคลดื่มพอประมาณ อย่างไรก็ตาม คริสต์ศาสนาห้ามดื่มสุราเพื่อต้องการให้คนประพฤติดี และไม่กระทำความผิดหรือล่วงเกินต่อพระเจ้า ผลการวิจัยภาคสนามพบว่า ส่วนมากเยาวชนมีศาสนภาพอยู่ในระดับปานกลาง (65.12%) มีพฤติกรรมการดื่มสุราอยู่ ในระดับต่ำ (22.97%) โดยศาสนภาพระดับสูงไม่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดื่มสุราระดับใดเลย ศาสนภาพระดับ ปานกลางมีความสัมพันธ์กันไปในทิศทางบวกกับพฤติกรรมการดื่มสุราระดับสูง (r= 0.128) และมีความสัมพันธ์กันไปใน ทิศทางลบกับพฤติกรรมการดื่มสุราระดับต่ำ (r= -0.213) และศาสนภาพระดับต่ำมีความสัมพันธ์กันไปในทิศทางลบกับ พฤติกรรมการดื่มสุราระดับสูง (r= -0.161) ส่วนผลของการสัมภาษณ์พบว่า กระแสวัฒนธรรมตะวันตกสามารถมีอิทธิพล ต่อการเปลี่ยนแปลงศาสนภาพและการดื่มสุราของเยาวชนได้ ดังนั้นในบริบทสังคมไทยสมัยใหม่ ถ้าเยาวชนมีศาสนภาพต่ำ จะมีพฤติกรรมการดื่มสุราในระดับสูง ถ้ามีศาสนภาพปานกลางจะมีพฤติกรรมการดื่มสุราได้ทุกระดับ และเราไม่สามารถ ทำนายได้ว่าเยาวชนที่มีศาสนภาพสูงจะมีพฤติกรรมการดื่มสุราในระดับที่แน่นอน การวิจัยครั้งนี้มีข้อเสนอแนะว่า รัฐบาลและสถาบันศาสนาควรรณรงค์ให้ประชาชนทราบว่า การผลิต การขาย และ การดื่มสุรา เป็นสิ่งที่ผิดศีลธรรม และแม้ว่าเยาวชนจะมีศาสนภาพระดับปานกลาง แต่ในมิติด้านความรู้และการปฏิบัติทาง ศาสนาอยู่ในระดับต่ำ อีกทั้งพฤติกรรมการสุราก็สามารถเกิดมีทั้งแก่เยาวชนที่มีศาสนภาพระดับปานกลางและสูง ดังนั้น ผู้ใหญ่ควรเป็นแบบอย่างที่ดีและควรเน้นปลูกฝังความรู้และการปฏิบัติทางศาสนาควบคู่กับคุณธรรมจริยธรรมอย่างจริงใจ และต่อเนื่องด้วย เพื่อป้องกันและรับมือกับสถานการณ์การเผยแพร่วัฒนธรรมการดื่มที่ทันสมัยมากขึ้นในอนาคต

Mahidol University

Address: NAKHON PATHOM

Email: liwww@mahidol.ac.th

Name: Wariya Chinwanno

Role: Thesis Advisors

Created: 2007

Modified: 2553-06-19

Issued: 2010-06-10

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

CallNumber: TH P576r 2007

eng

DegreeName: Master of Arts

Level: Master's Degree

Descipline: Comparative Religion

Grantor: Mahidol University

©copyrights Mahidol University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	4737794.pdf	1.16 MB	35	2021-10-01 14:51:48

ใช้เวลา

-0.481061 วินาที