Spousal support and maternal-fetal attachment in pregnant industrial workers

การสนับสนุนจากคู่สมรสและสัมพันธภาพระหว่างมารดาทารกของหญิงตั้งครรภ์ที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม

Name: Savitree Chanachote

LCSH: Maternal Behavior

LCSH: Working mothers -- Family relationships

MeSH: Fetal Movement

MeSH: Mother-Child Relations

Abstract: This descriptive research was designed to explore spousal support and maternal-fetal attachment of pregnant industrial workers and to examine the variance in maternal-fetal attachment explained by maternal age, family income, gestational age, planning of pregnancy and spousal support in these women. The study sample consisted of 100 pregnant industrial workers who were primigravidarum, 20-40 weeks of gestational age, lived with spouse and were attending antenatal care at a private clinic in Pranakornsriayutthaya District, Pranakornsriayutthaya Province, Thailand. Subjects were selected by convenience sampling. Three questionnaires including the Demographic Data Questionnaire, the Spousal Support Questionnaire and the Maternal-Fetal Attachment Scale were used to collect data. The data were analyzed by using descriptive statistics, Pearson Product Moment Correlation, and multiple regression analysis. The results of the study revealed that pregnant industrial workers had a rather high spousal support (M = 79.41, SD = 16.04) and maternal-fetal attachment (M = 94.55, SD = 18.16). Spousal support and gestational age were the only two significant predictors which could explain 25 percent of the variance in maternal-fetal attachment scores (p<.001) According to the findings of this study, it is suggested that nurses should screen pregnant industrial workers who are at risk for poor spousal support. Then, nurses should generate a program to enhance spousal support in order to promote maternal-fetal attachment.

Abstract: การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงบรรยาย เพื่อศึกษาการสนับสนุนจากคู่สมรสและ สัมพันธ ภาพระหว่างมารดาทารกของหญิงตั้งครรภ์ที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม และเพื่อศึกษาความ ผันแปรของสัมพันธภาพระหว่างมารดาทารก จาก อายุของมารดา รายได้ครอบครัว อายุครรภ์ การวางแผนการตั้งครรภ์ และการสนับสนุนจากคู่สมรสของหญิงตั้งครรภ์กลุ่มนี้ กลุ่มตัวอย่าง เป็นหญิงตั้งครรภ์ที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม จำนวน 100 ราย ตั้งครรภ์ครั้งแรก อายุครรภ์ ระหว่าง 20 – 40 สัปดาห์ สถานภาพสมรสคู่หรืออยู่ร่วมกับสามี ฝากครรภ์ที่คลินิกส่วนตัวของ สูติแพทย์ในอำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระหว่างเดือนมกราคม ถึง กุมภาพันธ์ 2550 คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบสะดวก แบบสอบถามที่ใช้เก็บข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถามข้อมูลด้านประชากร แบบสอบถามการสนับสนุนจากคู่สมรส และแบบวัดสัมพันธ ภาพระหว่างมารดาและทารกในครรภ์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยาย การวิเคราะห์ สหสัมพันธ์เชิงเดี่ยว และการวิเคราะห์ถดถอยแบบพหุ ผลการศึกษาพบว่าหญิงตั้งครรภ์ที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมได้รับการสนับสนุนจากคู่ สมรสค่อนข้างสูง และมีสัมพันธภาพระหว่างมารดาและทารกในครรภ์ค่อนข้างดี และพบว่ามี ปัจจัย 2 ประการ ได้แก่ การสนับสนุนจากคู่สมรส และ อายุครรภ์ สามารถร่วมกันอธิบายความ ผันแปรของสัมพันธภาพระหว่างมารดาทารกในครรภ์ได้ ร้อยละ 25 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.001) จากผลการศึกษาในครั้งนี้ มีข้อเสนอแนะว่าพยาบาลควรคัดกรองหญิงตั้งครรภ์ที่ทำงานใน โรงงานอุตสาหกรรมที่ได้รับการสนับสนุนจากคู่สมรสในระดับต่ำซึ่งเป็นผู้ที่มีภาวะเสี่ยงในการ สร้างสัมพันธภาพระหว่างมารดา-ทารกได้ไม่ดี และพยาบาลควรส่งเสริมสัมพันธภาพระหว่าง มารดาและทารกในครรภ์ ในหญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับการสนับสนุนจากคู่สมรสในระดับต่ำและมีอายุ ครรภ์น้อย

Mahidol University

Address: NAKHON PATHOM

Email: liwww@mahidol.ac.th

Name: Nittaya Sinsuksai

Role: Thesis Advisors

Created: 2007

Modified: 2553-06-22

Issued: 2010-06-08

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

eng

Temporal: TH S267s 2007

DegreeName: Master of Nursing Science

Level: Master's Degree

Descipline: Maternal and Newborn Nursing

Grantor: Mahidol University

©copyrights Mahidol University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	4436985.pdf	647.71 KB	72	2024-05-05 15:07:19

ใช้เวลา

0.406113 วินาที