Factors related to low back pain preventive behavior among nursing personnel in Governmental Hospitals, Nonthaburi province

ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันอาการปวดหลังส่วนล่างของพยาบาลในโรงพยาบาลของรัฐ จังหวัดนนทบุรี

Name: Sunate Wongthanakit

LCSH: Governmental Hospitals -- Thailand -- Nonthaburi

MeSH: Low Back Pain -- prevention & control

MeSH: Nurses

Abstract: Low back pain is a serious problem among nurses, and its prevention depends on low back pain preventive behavior. The objective of this research was to study low back pain preventive behavior among nursing personnel and its relationship to predisposing, enabling, and reinforcing factors and to determine the factors that are predictors for lower back pain preventive behavior. The sample consisted of 231 registered nurses and technical nurses in Nonthaburi province, randomly selected by stratified sampling. A self-administered questionnaire, Pearson’s product moment correlation coefficient, and stepwise multiple regression analysis were used. The study showed that 76 percent of the nurses had a moderate level of low back pain preventive behavior. Among predisposing factors, it was found that nurses with more knowledge about low back pain and positive attitudes toward its symptoms and preventive behavior tended to have a higher level of low back pain preventive behavior. Regarding enabling factors, nurses with more practical skills, more health information, more accessibility to useful organization resources, and a better work environment tended to have better low back pain preventive behavior .As to reinforcing factors, nurses receiving encouragement from head nurses, colleagues and family members tended to have better low back pain preventive behavior. About 36 percent of the variance of lower back pain preventive behavior could be statistically explained by the level of practical skills, the amount of encouragement from head nurses, colleagues, and family members, positive attitudes about low back pain; and knowledge of low back pain, preventive behavior. This study suggests that in order to increase the level of low back pain preventive behavior, the hospital should promote knowledge about preventive behavior in daily life and nursing work. Moreover, nurses should receive training to improve their attitudes about and behavior towards low back pain prevention. Guidelines for preventing low back pain should be provided. Head nurses, colleagues, and family members should be encouraged to support the practice of low back pain preventive behavior to promote a better quality of life.

Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยนำ ปัจจัยเอื้อ ปัจจัยเสริม และ พฤติกรรมการป้องกันอาการปวดหลังส่วนล่าง ของพยาบาลในโรงพยาบาลของรัฐจังหวัดนนทบุรี และศึกษาหา ปัจจัยที่มีประสิทธิภาพในการทำนายพฤติกรรมการป้องกันอาการปวดหลังส่วนล่างของพยาบาลโดยใช้ปัจจัยนำ ปัจจัยเอื้อ และปัจจัยเสริม เป็นตัวทำนาย กลุ่มตัวอย่างคือพยาบาลวิชาชีพและพยาบาลเทคนิค จำนวน 231 คน ที่ ปฏิบัติในระดับผู้ปฏิบัติในโรงพยาบาลของรัฐจังหวัดนนทบุรี การคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างใช้วิธีการสุ่มตัวอย่าง แบบ ชั้นภูมิแบบสัดส่วน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเอง สถิติที่ใช้ในการทดสอบ สมมติฐานการวิจัยได้แก่ สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน และการวิเคราะห์ถดถอยพหุแบบขั้นตอน ผลการวิจัยพบว่า ระดับพฤติกรรมการป้องกันอาการปวดหลังส่วนล่างของพยาบาลอยู่ในระดับปาน กลางคิดเป็นร้อยละ 76 ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ทางบวกกับพฤติกรรมการป้องกันอาการปวดหลังส่วนล่างของ พยาบาลคือ ความรู้, ทัศนคติ, ทักษะการปฏิบัติ, การหามาได้ง่ายของแหล่งข้อมูลทางสุขภาพ, การเข้าถึงแหล่ง ประโยชน์ของหน่วยงาน,การจัดการสิ่งแวดล้อมในการทำงานและการได้รับการสนับสนุนจากหัวหน้าตึก เพื่อน ร่วมงานและสมาชิกครอบครัว ปัจจัยที่สามารถทำนายความแปรปรวนของพฤติกรรมการป้องกันอาการปวดหลัง ส่วนล่างของพยาบาลได้แก่ ทักษะการการปฏิบัติ,การได้รับการสนับสนุนจากหัวหน้าตึก, เพื่อนร่วมงาน และ สมาชิกครอบครัว ทัศนคติและความรู้โดยสามารถทำนายความแปรปรวนของพฤติกรรมการป้องกันอาการปวด หลังส่วนล่างได้ ร้อยละ 36 จากผลการวิจัยมีข้อเสนอแนะว่า ถ้าต้องการเพิ่มระดับการป้องกันอาการปวดหลังส่วนล่าง, โรงพยาบาลควรจะส่งเสริมและแนะนำเกี่ยวกับพฤติกรรมการป้องกันอาการปวดหลังส่วนล่างที่ถูกต้อง ทั้งใน ชีวิตประจำวันและงานทางการพยาบาล ยิ่งไปกว่านั้นทัศนคติและทักษะการปฏิบัติของพยาบาลเกี่ยวกับการ ป้องกันอาการปวดหลังส่วนล่างควรจะได้รับการส่งเสริมและฝึกฝน หัวหน้าตึก เพื่อนร่วมงาน และสมาชิก ครอบครัวควรจะสนับสนุนให้พยาบาลมีการปฏิบัติเกี่ยวกับพฤติกรรมการป้องกันอาการปวดหลังส่วนล่างอย่าง ถูกต้อง เพื่อจะส่งเสริมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นต่อไป.

Mahidol University

Address: NAKHON PATHOM

Email: liwww@mahidol.ac.th

Name: Sulee Tongvichean

Role: Thesis Advisors

Created: 2004

Modified: 2553-06-07

Issued: 2010-02-12

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

ISBN: 9740448232

CallNumber: TH S957f 2004

eng

Spatial: Nonthaburi

DegreeName: Master of Science

Level: Master's Degree

Descipline: Public Health Nursing

Grantor: Mahidol University

©copyrights Mahidol University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	4336124.pdf	11.58 MB	379	2025-09-29 11:45:53

ใช้เวลา

0.242342 วินาที