Study of knowledge, practice, problems and barriers in discharge planning of professional nurses in Nopparatrajathanee hospital

ศึกษาความรู้ การปฏิบัติการพยาบาล ปัญหาและอุปสรรคเพื่อการวางแผนจำหน่ายผู้ป่วยของพยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี

Name: Piyachat Silprakhom

MeSH: Nurse Clinicians

MeSH: Nurses

MeSH: Patient Discharge

Abstract: This study was a descriptive research which aimed to study knowledge, practice, problems and barriers in discharge planning of professional nurses in Nopparatrajathanee hospital. The sample were 94 professional nurses who provided direct care to the patients in the ward. Data were collected by using questionnaires developed by the investigator and were analyzed by descriptive statistics. The results showed that the majority of the sample were female (98.94%), aged between 36-45 years (58.51%) had never trained in discharge planning. The Knowledge score in discharge planning of professional nurses was at the moderate level almost to high level (X 16.90,SD 1.74) and their practice was in the high level (X 3.00,SD0.55). When considering each step of the discharge planning process, it was found that implementing the discharge plan was the step that performed the most (3.22,SD0.60) followed by the step of assessment (X 3.20,SD0.49), diagnosis (X 3.05,SD0.70), planning (X 2.76, SD0.67) and at least in evaluation (X 2.56,SD0.78). In relation to problems and barriers in discharge planning, professional nurses stated that the most important were responsible for a lot of work (37.23%), lack of cooperation from relatives and families (30.85%), the activities for discharge planning were not systemic and continual (30.85%) and lack of coordination with a multidisciplinary team (20.21%). The recommendations for improving discharge planning by professional nurses were that there should be an available manual to serve as a guideline for discharge planning (45.74%), there should be continual training (41.49%), there should be a specialty team for discharge planning (30.85%) and there should be a clearly systemic document (23.40%). In terms of future research, there should be further qualitative studies to explore more of the problems and barriers of discharge planning practices as well as the ways to improve discharge practices of nurses.

Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความรู้และการปฏิบัติการพยาบาลเพื่อการวางแผนจำ หน่าย ผู้ป่วยของ พยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี รวมทั้งปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการวางแผนจำ หน่ายผู้ป่วย กลุ่ม ตัวอย่างคือพยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในหอผู้ป่วยในและให้บริการพยาบาลแก่ผู้ป่วยโดยตรง จำ นวน 94 คน เก็บรวบรวม ข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามที่ผู้วิจัยได้พัฒนาขึ้นตามกรอบแนวคิดและการทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง วิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้สถิติ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (98.94%), มีอายุระหว่าง 36-45 ปี (58.51%), กลุ่มตัวอย่าง มากกว่าครึ่ง (58.51%) ไม่เคยได้รับการอบรมเกี่ยวกับการวางแผนจำ หน่ายผู้ป่วยกลุ่มตัวอย่างมีคะแนนความรู้เกี่ยวกับการ วางแผนจำ หน่ายผู้ป่วยอยู่ในระดับปานกลางค่อนไปทางสูง (X 16.90, SD1.74) สำ หรับการปฏิบัติการพยาบาลเพื่อการ วางแผนจำ หน่ายผู้ป่วยพบว่ามีการปฏิบัติมาก (X 3.00, SD0.55) และเมื่อจำ แนกเป็นรายด้านพบว่า การปฏิบัติการวาง แผนจำ หน่ายมีคะแนนการปฏิบัติสูงสุด (X 3.22, SD0.60) รองลงมา ได้แก่การประเมินปัญหาและความต้องการของผู้ป่วย และครอบครัว (X 3.20, SD0.49) การวินิจฉัยปัญหา (X 3.05, SD0.70) การวางแผนเพื่อการจำ หน่าย (X 2.76,SD0.67) และที่มีการปฏิบัติน้อยที่สุดคือ การประเมินผลการวางแผนจำ หน่าย (X 2.56, SD0.78) ปัญหาและอุปสรรคในการวางแผนจำ หน่ายผู้ป่วยที่สำ คัญ ได้แก่ ภาระงานมาก (37.23%) การไม่ได้รับความ ร่วมมือจากญาติและครอบครัวของผู้ป่วย (30.85%) และการดำ เนินงานไม่เป็นระบบและขาดความต่อเนื่อง (30.85%) และ การไม่ได้รับความร่วมมือจากทีมสหวิชาชีพ (20.21%) สำ หรับข้อเสนอแนะของพยาบาลวิชาชีพได้แก่ควรมีคู่มือที่สามารถ ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติได้จริง (45.74%) ควรจัดให้มีการจัดอบรมอย่างต่อเนื่อง (41.49%) ควรมีทีมงานเพื่อวางแผน จำ หน่ายโดยเฉพาะ (30.85%) และควรมีแบบบันทึกที่ชัดเจน(23.40%) จากผลการวิจัยมีข้อเสนอแนะว่าควรจัดให้มีการอบรมอย่างต่อเนื่อง ควรมีการปรับปรุงแบบฟอร์มการวางแผน จำ หนา่ยผูป้ ว่ ยเพื่อใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติ ควรมีการศึกษาเชิงคุณภาพเพื่อวิเคราะห์รายละเอียดในการปฏิบัติรวมทั้ง ปัญหาและอุปสรรคในการวางแผนจำ หน่ายผู้ป่วย และควรมีการศึกษาเปรียบเทียบความต้องการของผู้ป่วยและครอบครัว กับการปฏิบัติเพื่อการวางแผนจำ หน่ายผู้ป่วยของพยาบาลวิชาชีพ

Mahidol University

Address: NAKHON PATHOM

Email: liwww@mahidol.ac.th

Name: Wannee Satayawiwat

Role: Thesis Advisors

Created: 2003

Modified: 2553-03-09

Issued: 2010-01-20

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

ISBN: 9740441955

CallNumber: TH P694s 2003

eng

DegreeName: Master of Nursing Science

Level: Master's Degree

Descipline: Adult Nursing

Grantor: Mahidol University

©copyrights Mahidol University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	4137080.pdf	986.22 KB	140	2025-10-02 20:17:58

ใช้เวลา

0.460645 วินาที