Effects of caffeine on anorectal function in Thai health volunteers

ผลของคาเฟอีนต่อการทำงานของลำไส้ตรงและทวารหนักในอาสาสมัครปกติชาวไทย

Name: Pahurat Kongmuang

LCSH: Manometers

LCSH: Caffeine

LCSH: Anorectal function tests

Abstract: The effect of caffeine at the dose of 3.5 mg per kg body weight on anorectal function was evaluated in ten normal Thai adult subjects (5 men and 5 women). Each subject drank 200 ml of water then caffeine. The anorectal manometric study was divided into 3 periods, basal / water / caffeine. Each period lasted 45 minutes without any adverse events. In this study the basal anal sphincter pressure of 10 normal adult Thai subjects is 36.4 mmHg (range 18.4 to 54.5 mmHg). The basal anal sphincter pressure after caffeine consumption tended to increase especially at 15 minutes (50.4 mmHg, range 6.7 -97.4 mmHg, p=0.05). At 5, 10 and 45 minutes, after either water or caffeine consumption, no difference in the basal anal sphincter pressures was found. The average basal anal sphincter pressure though out the whole 45 minutes, was slightly increased but not statistically significant after drinking water. After caffeine, the pressure increased significantly compared to drinking water (p= 0.02). The maximum squeeze pressure in the control period was 105.7 mmHg (range 10.9 to 234.9 mmHg), after water consumption it was slightly higher (116.0 mmHg, range 12.9 to 234.6 mmHg, p=0.12). After caffeine consumption, the maximum squeeze pressure increased significantly (134.7 mmHg, range 17.9 to 243.7 mmHg, p=0.02) comparing to that at control period. The sustained squeeze pressure in control period was 102 mmHg (range 14 to 234.5 mmHg). It remained unchanged after water consumption (105.8 mmHg, range 12.3 to 198.6 mmHg, p=0.69). After caffeine, the pressure tended to rise (124.9 mmHg, range 19 to 215.9 mmHg, p=0.09) and was significantly higher after caffeine than after drinking water (p = 0.04). Either water or caffeine consumption caused a decrease in rectal sensory threshold for the desire to defecate tested by intrarectal air inflation. This might be partly due to the gastrocolic reflex response. This study indicated that drinking caffeine 3.5 mg per kg body weight in 200 ml of water resulted in a tendency to stronger anal sphincter contractions both at basal period and during voluntary squeeze. But the sensory threshold was also decreased leading to an earlier desire to defecate. So caffeine consumption can result in an earlier desire to defecate leading to easier defecation if the anal sphincter can relax voluntarily. Further study with larger number of subjects of different age groups or different anorectal symptoms should be carried out in order to obtain more understanding in the effects of caffeine on anorectal function or physiology in health and diseases.

Abstract: ศึกษาผลของแคเฟอีนขนาด 3.5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ต่อการทำงานของลำไส้ตรงและทวาร หนัก ในอาสาสมัครปกติผู้ใหญ่ชาวไทย จำนวน 10 คน (ผู้ชาย 5 คน ผู้หญิง 5 คน) อาสาสมัครแต่ละคนดื่มน้ำ 200 มิลลิลิตร และ แคเฟอีนละลายในน้ำ 200 มิลลิลิตร วัดการทำงานของลำไส้ตรงและทวารหนักโดย manometry technique บันทึกเป็น 3 ระยะ ๆ ละ 45 นาทีคือขณะพัก หลังดื่มน้ำ และหลังดื่มแคเฟอีน ผลการศึกษาพบว่าความดันของกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักขณะพัก (basal anal sphincter pressure) ของ อาสาสมัคร เท่ากับ 36.4 ม.ม.ปรอท (ช่วง 18.4 ถึง 54.5 ม.ม.ปรอท) หลังจากดื่มแคเฟอีน ความดันของกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนัก ขณะพัก มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหลังจากดื่มแคเฟอีนไปแล้ว 15 นาที (50.4 ม.ม.ปรอท, ช่วง 6.7 ถึง 97.4 ม.ม.ปรอท, p=0.05) ที่เวลา 5, 10 และ 45 นาที ไม่พบการเปลี่ยนแปลงทั้งหลังจากดื่มน้ำและหลังจากดื่มแคเฟอีน เมื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยตลอดช่วง 45 นาที พบว่าความดันเฉลี่ยของกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักขณะพักหลังจากดื่มน้ำไม่มีความแตกต่างจากก่อนดื่มน้ำ แต่หลังดื่ม แคเฟอีนความดันเฉลี่ยของกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักขณะพักสูงกว่าหลังดื่มน้ำอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p=0.02) ความดันของกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักขณะขมิบสูงสุด ในระยะก่อนดื่มน้ำและแคเฟอีน เท่ากับ 105.7 ม.ม. ปรอท (10.9 ถึง 234.9 ม.ม.ปรอท) หลังดื่มน้ำความดันนี้ไม่แตกต่างจากก่อนดื่มน้ำ (116.0 ม.ม.ปรอท, ช่วง 12.9 ถึง 234.6 ม.ม.ปรอท, p=0.12) แต่หลังจากดื่มแคเฟอีน ความดันของกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักขณะขมิบสูงสุด สูงขึ้นกว่า ระยะก่อนดื่มน้ำและแคเฟอีนอย่างมีนัยสำคัญ (134.7 ม.ม.ปรอท, ช่วง 17.9 ถึง 243.7 ม.ม.ปรอท, p=0.02) ความดันของกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักขณะขมิบค้างไว้ ในระยะก่อนดื่มน้ำและแคเฟอีน เท่ากับ 102 ม.ม. ปรอท (14 ถึง 234.9 มิลิเมตรปรอท) การดื่มน้ำ ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงความดันนี้ (105.8 ม.ม.ปรอท, ช่วง 12.3-198.6 ม.ม.ปรอท, p=0.69) หลังจากดื่มแคเฟอีนความดันของกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักขณะขมิบค้างไว้ มีแนวโน้มจะสูงขึ้น (124.9 ม.ม.ปรอท, ช่วง 19 ถึง 215.9 ม.ม.ปรอท, p=0.09) และสูงกว่าหลังจากดื่มน้ำอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p=0.04) ทั้งการดื่มน้ำ 200 มิลลิลิตร และการดื่มแคเฟอีนละลายในน้ำ 200 มิลลิลิตร มีผลต่อการรับรู้ของทวารหนัก ที่ทดสอบโดยใส่อากาศเข้าในลูกโป่งในทวารหนัก ความรู้สึกปวดถ่ายอุจจาระไวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังดื่มน้ำไม่ ว่าจะมีแคเฟอีนหรือไม่ ซึ่งอาจเป็นผลจากการมี gastrocolic reflex ร่วมด้วย การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า แคเฟอีนขนาด 3.5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ในน้ำ 200 มิลลิลิตร มี แนวโน้มที่จะเพิ่มความแรงของการหดรัดตัวของกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนัก ทั้งในขณะพักและขณะขมิบเต็มที่ แต่ใน ขณะเดียวกัน การรับรู้ปริมาณสิ่งบรรจุในทวารหนัก จะไวขึ้น ทำให้อยากถ่ายอุจจาระได้ง่ายขึ้น ดังนั้นการดื่มแคเฟอีน อาจทำให้ปวดถ่ายอุจจาระได้พอๆกับการดื่มน้ำ แต่กล้ามเนื้อหูรูดปิดแน่น ดังนั้นถ้าสามารถตั้งใจคลายกล้ามเนื้อหูรูดได้ก็ จะถ่ายอุจจาระได้ ถ้าตั้งใจคลายกล้ามเนื้อไม่ได้ก็จะถ่ายอุจจาระลำบาก ควรมีการศึกษาต่อไปในอาสาสมัครจำนวนมากขึ้น ในกลุ่มอายุต่างๆ หรือผู้มีอาการผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร เพื่อให้ทราบถึงผลของแคเฟอีนต่อการทำงานของลำไส้ตรง และทวารหนักทั้งในภาวะปกติและภาวะเจ็บป่วย

Mahidol University

Address: NAKHON PATHOM

Email: liwww@mahidol.ac.th

Name: Supatra Lohsiriwat

Role: Thesis Advisors

Created: 2009-07-28

Modified: 2552-10-07

Issued: 2009-07-28

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

CallNumber: TH P141e 2005

eng

DegreeName: Master of Science

Level: Master's Degree

Descipline: Physiology

Grantor: Mahidol University

©copyrights Mahidol University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	4437389.pdf	1.95 MB	43	2018-05-29 01:21:49

ใช้เวลา

0.282483 วินาที