การรับรู้คุณค่าตราสินค้าผ้าไหมและเครื่องแต่งกายจากผ้าไหมหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์

Brand equity perception for OTOP Thai silk and dress

Name: ปิยทรรศน์ บำรุงตระกูล

Name: Piyatas Bamrungtrakul

ThaSH: ชื่อตราผลิตภัณฑ์.

ThaSH: เครื่องแต่งกาย.

ThaSH: ผ้าไหม.

Abstract: การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เฉพาะเพื่อสำรวจการรับรู้คุณค่าผ้าไหมและเครื่องแต่งกายจากผ้าไหมตราสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์หลังจากรับรู้ข่าวสารและเคยซื้อมาใช้ ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงปริมาณ แบบวิจัยการวัดครั้งเดียว (One - Shot Posttest only Design) เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลคือแบบสอบถาม จำนวน 300 ตัวอย่าง การประมวลผลโดย ใช้โปรแกรมสำเร็จรูป SPSS for Windows รุ่น 10.0.1 การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย เพื่ออธิบายตัวแปรเกี่ยวกับลักษณะทางสังคม เศรษฐกิจ รูปแบบการดำเนินชีวิต พฤติกรรมการเปิดรับข่าวสาร และ การรับรู้คุณค่าตราสินค้าผ้าไหมและเครื่องแต่งกายจากผ้าไหมหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ และใช้ค่าสถิติเพียร์สันไคสแควร์ เพื่อทดสอบสมมติฐานที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 ผลการวิจัย พบว่า กลุ่มตัวอย่างที่เคยใช้ตราสินค้าผ้าไหมและเครื่องแต่งกายจากผ้าไหมหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ประกอบอาชีพรับราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ตราสินค้าจิม ทอมป์สัน เป็นตราสินค้าผ้าไหมที่นึกถึงเป็นอันดับแรก รองลงมาคือ ศิลปาชีพ และลำดับที่ 3 คือ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ประเภทผ้าไหมที่กลุ่มตัวอย่างรู้จักและ ชอบมากที่สุดคือ ผ้าพื้น รองลงมาคือผ้าแพรวาและมัดหมี่ มากกว่าครึ่งหนึ่งของกลุ่มตัวอย่างไม่ เคยรับรู้ผลการประกวด ผ้าไหมหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ปี พ.ศ.2546 กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ใช้ ผ้าไหมและเครื่องแต่งกายจากผ้าไหมในโอกาสออกงานสังคม การเข้าถึงตราสินค้าในระดับง่าย คือ การนำผ้าไหมหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ไปตัดเป็นเครื่องแต่งกายได้สวยงามไม่แตกต่างกับ ผ้าชนิดอื่น คุณค่าที่กลุ่มตัวอย่างได้รับจากการใช้ตราสินค้าคือ ผ้าไหมหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ เป็นงานฝีมือที่มีคุณภาพ บุคลิกดีเมื่อสวมใส่และได้รับการยอมรับจากผู้พบเห็นลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่ผ้าไหมไทยยี่ห้ออื่นๆ ไม่มี เป็นความแตกต่าง และความเกี่ยวพันกับตราสินค้าที่กลุ่มตัวอย่างมีต่อตราสินค้า ความรู้สึกผูกพันของกลุ่มตัวอย่างกับตราสินค้า คือ ความภูมิใจในภูมิปัญญาไทยและการเห็นถึงคุณค่าและความแตกต่างจากผ้าไหมยี่ห้ออื่น ระดับความภักดีต่อตราสินค้าอยู่ในระดับน้อยเนื่องจากการลดราคาสินค้าและการจัดงานแสดงสินค้ายังมีผลต่อการตัดสินใจซื้อ สำหรับอนาคตของผ้าไหมและเครื่องแต่งกายจากผ้าไหมตราสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์กลุ่มตัวอย่างมีความเห็นว่าน่าจะได้รับการยอมรับทั้งจากชาวต่างประเทศและชาวไทยในประเทศ ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า 1. คุณลักษณะของผู้บริโภคกลุ่มตัวอย่างเกี่ยวกับ เพศ อาชีพ รายได้และความบ่อยครั้งในการซื้อผ้าไหมและเครื่องแต่งกายจากผ้าไหม มีความสัมพันธ์กับการรับรู้คุณค่าตราสินค้าผ้าไหมและเครื่องแต่งกายจากผ้าไหมหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ 2. พฤติกรรมการเปิดรับข่าวสารโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ของกลุ่มตัวอย่าง เกี่ยวกับ ระดับการเปิดรับ สื่อที่ใช้เปิดรับและประเภทของเนื้อหาที่เปิดรับ มีความสัมพันธ์กับการรับรู้คุณค่าตราสินค้าผ้าไหมและเครื่องแต่งกายจากผ้าไหมหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ในด้านที่แตกต่างกัน

Abstract: The purpose of this study was explore the brand equity perception for OTOP Thai silk and dress, after being exposured OTOP information and purchasing OTOP Thai silk and dress. This research employed the quantitative research methodology: One-shot posttest only design. An interview with questionnaire was a research tool for collecting data from 300 samples. SPSS/PC version 10.0.1 ran for data processing. Descriptive statistics: percentage and mean ware analyzed and explained the independent variables in terms of socio-economic status, lifestyles, information exposure behavior and brand equity perception. Inferential statistic: Pearson’s Chisquare was used to test hypotheses at 0.05 level of significance. The research results were as follow: The biggest consumers of OTOP Thai silk and dress were the over 40 years old female, who worked in the government offices and the state enterprises. Jim Thompson was top-of-mind brand, Silpasheep and OTOP were orderly. The single color silk was the most well-known and favourite of Thai silk style, ‘prae wah’ and ‘mudmee’ were orderly. More than a half of sample group had never known 2003 OTOP Thai silk competitive result. Most of sample group used OTOP Thai silk and dress specially in social party. There were no difference in dress making between OTOP Thai silk and other fabric. OTOP Thai silk’s brand values were quality perception and personality. “Design” made OTOP Thai silk brand different from other Thai silk brand, but different to find and purchase and price sensitivity were the handicaps for brand loyalty: ‘repurchase intent’. However OTOP Thai silk brand stood for the pride of Thai Intellectual as brand emotional connection variable, which would lead OTOP Thai silk industry to foreigners in global world. Two hypotheses were accepted: 1) the consumer’s age, career, income, frequency of purchase related with brand equity perception of OTOP Thai silk and dress. 2) the consumer’s information exposure behavior: level of exposure, media channel and kinds of media content related with brand equity perception of OTOP Thai silk and dress.

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. สำนักหอสมุดกลาง

Address: กรุงเทพมหานคร

Email: library@utcc.ac.th

Name: มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

Name: ดวงทิพย์ วรพันธุ์

Role: อาจารย์ที่ปรึกษาหลัก

Name: รัตนาวดี ศิริทองถาวร

Role: อาจารย์ที่ปรึกษาร่วม

Created: 2548

Modified: 2553-08-04

Issued: 2010-07-15

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

9746775294

CallNumber: ว 658.827 ป687ก

tha

DegreeName: นิเทศศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: นิเทศศาสตร์การตลาด

Grantor: มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	198401.pdf	9.75 MB	727	2025-02-18 05:15:47

ใช้เวลา

0.026406 วินาที