เปรียบเทียบผลของดนตรีไทยบรรเลงกับการนวดไทยประยุกต์ต่อความเจ็บปวดของผู้ป่วยหลังผ่าตัดคลอด

A comparison between the effect of Thai classical music and applied Thai massage on patients with post-caesarean section pain

Name: ดาวใจ เทียนสี

ThaSH: ศัลยกรรม.

ThaSH: ความเจ็บปวด.

ThaSH: ความรู้สึก.

ThaSH: การนวด.

ThaSH: กายภาพบำบัด.

ThaSH: กิจกรรมบำบัด.

ThaSH: ดนตรีบำบัด.

Classification :.DDC: 615

Abstract: การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลอง มีจุดประสงค์เพื่อเปรียบเทียบผลของดนตรีไทยบรรเลงกับการนวดไทยประยุกต์ต่อความเจ็บปวดของผู้ป่วยหลังผ่าตัดคลอด กลุ่มตัวอย่างคือผู้ป่วยหลังผ่าตัดคลอดในหอผู้ป่วยสูติกรรมหลังคลอด โรงพยาบาลสมุทรปราการ จำนวน 30 คน สุ่มตัวอย่างโดยวิธีจับฉลากเพื่อแบ่งเป็นกลุ่มทดลอง 3 กลุ่ม กลุ่มละ 10 คน กลุ่มที่ 1 ให้ฟังดนตรีไทยบรรเลง กลุ่มที่ 2 ให้ได้รับการนวดไทยประยุกต์ กลุ่มที่ 3 กลุ่มควบคุมได้รับการรักษาพยาบาลตามปกติ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบวัดความรู้สึกเจ็บปวดของจอห์นสัน แบบบันทึกการใช้ยาแก้ปวด และแบบสังเกตพฤติกรรมตอบสนองต่อความรู้สึกเจ็บปวด โปรแกรมการฟังดนตรีไทยบรรเลง และโปรแกรมการนวดไทยประยุกต์ โดยศึกษาผู้ป่วยรายละ 3 วัน หลังผ่าตัด การวิจัยเป็นรูปแบบทดสอบก่อนและหลังการทดลอง และมีกลุ่มควบคุม (Pretest-Postest Control-Group Design) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือการวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบวัดต่างกลุ่มหนึ่งตัวประกอบกับวัดซ้ำอีกหนึ่งตัวประกอบ (Between-Subjects Variable and One Within-Subjects Variable)ผลการวิจัยพบว่ามีปฏิสัมพันธ์ระหว่างวิธีการทดลองกับระยะเวลาของการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 กลุ่มทดลองที่ได้ฟังดนตรีไทยบรรเลงมีความเจ็บปวดต่ำกว่าในระยะก่อนการทดลอง และต่ำกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ในกลุ่มที่ได้รับการนวดไทยประยุกต์มีความเจ็บปวดต่ำกว่าในระยะก่อนการทดลอง และต่ำกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัทางสถิติที่ระดับ .0 ความเจ็บปวดของกลุ่มทดลองที่ได้ฟังดนตรีไทยบรรเลงกับกลุ่มที่ได้รับการนวดไทยประยุกต์ ในระยะหลังทดลองแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ

Abstract: The purpose of this study was to compare the effect of Thai Classical music and applied Thai massage on patients experiencing post-caesarean section pain. The purposive sample consisted of thirty patients in Samutpragan hospital. The sample were randomly assigned into three groups with ten patients in each: (1) the Thai Classical music therapy group; (2) the applied Thai massage therapy group and (3) the control group. The two experimental groups were treated for three days following the caesarean section. The control group received only the routine treatment. The instruments used for collecting the data were the self-reporting Jonhson's pain scale, the observational form for pain response, and the dosage of drug used. The research design was a pretest-post test control group. The statistical methods used for analyzing the data were the between-subjects variable and one within-subjects variable.The result revealed that there was a statistically significant interaction between the methods and duration of the experiment at a .05 level. The Thai Classical music therapy group had less pain after the treatment, and less pain than the control group at a .05 level of significance. The applied Thai massage therapy group also had less pain after the treatment, and less pain than the control group at a .05 level of significance. There were no statistically significant differences between the Thai Classical music therapy group and the applied Thai massage Therapy group.

มหาวิทยาลัยบูรพา. สำนักหอสมุด

Address: ชลบุรี (Chonburi)

Email: buulibrary@buu.ac.th

Name: อนงค์ วิเศษสุวรรณ์

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Name: สุรินทร์ สุทธิธาทิพย์

Role: กรรมการ

Name: อากฤษฎิ์ บุญสงวน

Role: กรรมการ

Created: 2544

Issued: 2549-08-28

Modified: 2550-01-20

วิทยานิพนธ์/Thesis

ISBN: 9745461539

CallNumber: 615.8515ต436ป

tha

DegreeName: วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: จิตวิทยาการให้คำปรึกษา

Grantor: มหาวิทยาลัยบูรพา

©copyrights มหาวิทยาลัยบูรพา

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	title.pdf	332.49 KB	140	2024-09-18 14:22:34
2	chapter1.pdf	316.52 KB	118	2024-09-17 21:50:10
3	chapter2.pdf	2.63 MB	183	2020-01-21 09:45:09
4	chapter3.pdf	408.62 KB	116	2020-08-30 09:31:53
5	chapter4.pdf	676.77 KB	91	2020-01-21 09:45:18
6	chapter5.pdf	508.52 KB	99	2020-01-21 09:45:24
7	bibliography.pdf	314.71 KB	70	2020-02-10 21:34:25
8	appendix.pdf	658.31 KB	86	2020-01-21 09:45:41

ใช้เวลา

-0.951161 วินาที