การบำบัดน้ำทิ้งจากการเพาะเลี้ยงกุ้งกุลาดำแบบพัฒนาโดยใช้ผักบุ้ง ผักกระเฉด และกระจับ

Phytotreatment of wastewater released from intensive culture of giant black tiger shrimp (Penaeus monodon) Using Impomoea aquatica Forsk., Neptunia oleracea Lour., AND Trapa bispinosa Roxb.)

Name: บุญมา กรายไทยสงค์

ThaSH: การบำบัดน้ำเสีย

ThaSH: การเลี้ยงกุ้งกุลาดำ

Classification :.DDC: 628

Abstract: การทดลองเพื่อศึกษาประสิทธิภาพของพืชน้ำเศรษฐกิจ 3 ขนิด ได้แก่ ผักบุ้ง ผักกระเฉด และกระจับ ในการลดปริมาณบีโอดีความขุ่น แอมโมเนีย ไนไทรต์ ไนเทรต และฟอสเฟต ในน้ำทิ้งจากการเลี้ยงกุ้งกุลาดำ โดยทดลองใช้พืชที่มีความหนาแน่น 300 กรัม ในตู้ทดลอง 40 75 40 เซนติเมตร เพื่อบำบัดน้ำทิ้งจากบ่อเลี้ยงกุ้งปริมาณตู้ละ 100 ลิตร โดยวางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ 3ชุดการทดลองและ 1 ชุดควบคุม ทำการทดลอง 3ซ้ำ ระยะเวลาในการทดลอง 28 วัน พบว่า ผักบุ้ง ผักกระเฉด และกระจับ มีประสิทธิภาพในการบำบัดคุณภาพน้ำทิ้งจากบ่อเลี้ยงกุ้งกุลาดำได้แตกต่างจากชุดควบคุมอย่างมีนัยสำคัญที่ 0.05 กระจับเป็นพืชที่มีประสิทธิสูงสุดในการบำบัดโดยมีค่าเฉลี่ยประสิทธิภาพในการบำบัดบีโอดี ความขุ่น แอมโมเนีย ไนไทรต์ ไนเทรต และฟอสเฟต เมื่อสิ้นสุดการทดลองเท่ากับ 90%,91.7%,67.9%,53.2%,98% และ 70.5% ตามลำดับ จากนั้นทำการทดลองเพื่อศึกษาประสิทธิภาพของรกะจับ ที่ระดับความหนาแน่นต่างกัน คือ 200,300 และ 400 กรัม ในการลดปริมาณบีโอดี ความขุ่น แอมโมเนีย ไนไทรต์ ไนเทรต และฟอสเฟต ในน้ำทิ้งจากการเลี้ยงกุ้งกุลาดำ ในตู้ทดลองขนาด 40 75 40 เซนติเมตร เพื่อบำบัดน้ำทิ้งจากบ่อเลี้ยงกุ้งกุลาดำปริมาณตู้ละ 100 ลิตร โดยวางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบุรณ์ 3 ชุดการทดลองเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม ทำการทดลอง 3 ซ้ำ ระยะเวลาในการทดลอง 35 วัน พบว่ากระจับที่ระดับความหนาแน่นต่างๆ และชุดควบคุมมีประสิทธิภาพในการบำบัดคุณภาพน้ำทิ้งจากบ่อเลี้ยงกุ้งกุลาดำได้แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ 0.05 เมื่อสิ้นสุดการทดลองกระจับที่ระดับความหนาแน่น 400 กรัม ต่อตู้ทดลอง มีประสิทธิภาพการบำบัดสูงสุดโดยมีประสิทธิภาพในการบำบัดบีโอดี ความขุ่น แอมโมเนีย ไนไทรต์ ไนเทรต และฟอสเฟต เท่ากับ 93.67% 92.09% 84.43% 65.65% 59.56% 80.11% ตามลำดับ

Abstract: The purpose of this study wa to investigate the efficiency of three economic aquatic plant : Ipomoea aquatica Neptunia oleracea and Trapa bispinosa for treatment of wastewater released from black tiger shrimp pond culture. Three aquatic plant were added at the density of 300 g in the experiment tank of 40 75 40 cm. congtaining 100 l for 28 days .The experiment was carried out with three replicated using the complately randomized design CRD .The result showed that T.bispinosa had the highest efficiency on removeal of wastewater. Removal efficiency of BOD, turbidity, ammonia, nitrite, nitrate and phosphate was 90%,91.7%,67.9%,53.2%,98% 70.5% respectively . T.bispinosa is the most efficient economic crop for remediation of wastewater released from black tiger shrimp pond. The next experiment was to investigate the efficiency of T.bispinosa for treatment of wastewater released from black tiger shrimp pond culture to reduce BOD, turbidity, ammonia,nitrite,nitrate and phosphate. Three portion of the aquatic plant T.bispinosa 200,300and 400 gram per tank were used to study in the experime nt tank with 100 L of shrimp-pond wastewater. The CRD were used to set up the experiment with 3 replicates within 35 days . The result showed that T.bispinosa with three differnt density and the control showed different efficincy in decreasing BOD ,turbidity, ammonia, nitrite ,nitrateand phosphate. T.bispinosa 400 g had the highest removal efficiency for BOD ,turbidity, ammonia, nitrite,nitrate and phosphate which were 93.67%,92.09%,84.43%,65.65%,59.56% 80.11% respectively.

มหาวิทยาลัยบูรพา. สำนักหอสมุด.

Address: ชลบุรี (Chonburi)

Email: buulibrary@buu.ac.th

Name: สุบัณฑิต นิ่มรัตน์

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Name: วีรพงศ์ วุฒิพันธุ์ชัย

Role: กรรมการ

Name: นิตยา ไชยเนตร

Role: กรรมการ

Created: 2548

Issued: 2548-05-17

Modified: 2549-11-30

วิทยานิพนธ์/Thesis

ISBN: 5745022586

CallNumber: 628.16 บ525ก

tha

DegreeName: วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม

Grantor: มหาวิทยาลัยบูรพา

©copyrights มหาวิทยาลัยบูรพา

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	title.pdf	563.66 KB	211	2024-10-04 14:22:17
2	chapter1.pdf	233.61 KB	184	2020-05-12 15:33:19
3	chapter2.pdf	1.35 MB	218	2024-11-07 16:06:04
4	chapter3.pdf	434.22 KB	163	2020-05-12 15:47:37
5	chapter4.pdf	2.06 MB	184	2020-05-12 15:38:57
6	chapter5.pdf	444.99 KB	161	2020-05-12 15:33:57
7	bibliography.pdf	278.28 KB	137	2020-05-12 15:48:36
8	appendix.pdf	749.39 KB	140	2020-05-12 15:48:49

ใช้เวลา

0.050976 วินาที