Abstract:
การวิจัยเรื่อง รูปแบบการจัดการความรู้เพื่อพัฒนามหาวิทยาลัยราชภัฏสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) นำรูปแบบการจัดการความรู้ไปปฏิบัติจริง และประเมินผลการนำรูปแบบการจัดการความรู้ กรณีศึกษา: สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต 2) ประเมินความเป็นองค์กรแห่งการเรียนของมหาวิทยาลัยราชภัฏ และ 3) เพื่อเสนอการพัฒนามหาวิทยาลัยราชภัฏสู่เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ ใช้วิธีการวิจัยแบบบูรณาการใช้การวิจัยแบบผสมผสาน (Mix Methodology) ระหว่างการวิจัยเชิงปริมาณ และการวิจัยเชิงคุณภาพ มีขั้นตอนการวิจัย คือ 1) การนำเอารูปแบบการจัดการความรู้ (KM Model) ที่ได้จาก Phase 1 มาสร้างเว็บไซต์ (Knowledge Management Portal) ทดลองใช้ และทำการประเมินผล โดยกลุ่มตัวอย่าง 55 คน 2) ทำการประเมินความเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ โดยกลุ่มตัวอย่าง 511 คน และ 3) นำผลที่ได้จากการประเมินความเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ของมหาวิทยาลัยราชภัฏ มาวิเคราะห์ SWOT และนำเสนอกลยุทธ์ทางการพัฒนามหาวิทยาลัยราชภัฏสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้
ผลการวิจัยพบว่า
1. การนำรูปแบบการจัดการความรู้ไปปฏิบัติจริง และประเมินผลการนำรูปแบบการจัดการความรู้ โดยใช้กรณีศึกษา: สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต
1.1 การพัฒนาเว็บไซต์ KM Portal โดยนำรูปแบบการจัดการความรู้ซึ่งเป็นผลของการวิจัยในระยะที่ 1 ซึ่งมีองค์ประกอบที่สำคัญ 6 ส่วน คือ ภาวะผู้นำ การสร้างแรงงานความรู้ การปฏิสัมพันธ์ความรู้ การสื่อสารความรู้และเทคโนโลยี การไว้ใจซึ่งกันและกัน และ พลังร่วม ซึ่งระบบดังกล่าวสามารถเรียกดูได้ที่ http://www.dusit.ac.th/kmarit/ เป็นเว็บไซต์มีข้อมูลที่เป็นข้อมูลพื้นฐานที่ใช้สำหรับกระบวนการจัดการความรู้ของสำนักวิทยบริการได้อย่างครบถ้วน สมบูรณ์ และก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และการบริการความรู้
1.2 การประเมินสภาพปัจจุบันและความต้องการในการเป็นองค์แห่งการเรียนรู้ของสำนักวิทยบริการ พบว่า สภาพปัจจุบันมีการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้อยู่ในระดับสูง (X = 3.53) เมื่อจำแนกตามรายด้าน คือ การสื่อสารและเทคโนโลยี ผู้นำ ปฏิสัมพันธ์ความรู้ บุคลากร พลังร่วมการไว้วางใจ ตามลำดับ (X = 3.72, 3.57, 3.52, 3.51, 3.46 และ 3.41) และมีความต้องการในการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ในระดับสูงขึ้น (X = 3.94) จำแนกตามรายด้าน คือ การสื่อสารและเทคโนโลยี การไว้วางใจ พลังร่วม ปฏิสัมพันธ์ความรู้ บุคลากร และผู้นำ ตามลำดับ (X = 4.15, 4.06, 4.00, 3.89, 3.82 และ 3.73)
2. การประเมินสภาพปัจจุบันและความต้องการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ของมหาวิทยาลัยราชภัฏภาพรวม พบว่า แนวโน้มของสภาพปัจจุบันของการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ภาพรวม อยู่ในระดับปานกลาง ( = 3.10) เมื่อจำแนกตามรายด้าน คือ คน การเรียนรู้ องค์กร เทคโนโลยี และความรู้ ตามลำดับ (X = 3.25, 3.11, 3.10, 3.07 และ 2.95) และมีความต้องการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ในระดับสูง ( = 4.25) จำแนกตามรายด้าน คือ เทคโนโลยี คน การเรียนรู้ องค์กร และความรู้ ตามลำดับ (X = 4.34, 4.27, 4.23, 4.22 และ 4.19)
3. กลยุทธ์การพัฒนามหาวิทยาลัยราชภัฏสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้ มี 5 กลยุทธ์ คือ 1) พัฒนาแผนการจัดการความรู้ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสู่การเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ (Knowledge Management Plan to Learning Organization) 2) บูรณาการระบบย่อยทั้ง 5 ด้านโดยใช้การบริหารคุณภาพตามเกณฑ์ Thailand Quality Awards: TQA ซึ่งเป็นการบริหารคุณภาพทั่วทั้งองค์กร (Integration with TQA) 3) พัฒนา อัตลักษณ์ (Corporate Identity) ของมหาวิทยาลัย เพื่อพัฒนาบุคลากรให้สอดคล้องกับความเข้มแข็งทางวิชาการและอัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัย (Corporate Identity) 4) สร้างและสังเคราะห์องค์ความรู้จากภูมิปัญญาท้องถิ่น และปราชญ์ชาวบ้าน (Local wisdom) 5) พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่สนับสนุนการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ (IT for LO)
The objectives of this research were to: 1) inplement knowledge management model from phase 1 and evaluation in case study: Office of Academic Resource and Information Technology (ARIT), Suan Dusit Rajabhat University. 2) evaluate learning organization of Rajabhat Universities, and 3) formulate strategies for developing Rajahbat Universities to become learning organization. This research was an integration of quantitative research and qualitative research methodologies. The research is conducted in 3 steps: 1) developed knowledge management portal (KM portal) by applying concept from knowledge management model from phase 1) using KM portal and evaluating the result by 55 samples; 2) evaluating learning organization of Rajabhat Universities by 511 samples; and 3) analyzed was result by using SWOT and formulating strategies for developing Rajabhat Universities to become learning organization.
The results revealed that:
1. Knowledge management web portals were developed, used, and evaluated by ARIT.
1.1 There were 6 elements of KM web portal including leadership, knowledge worker development, knowledge spiral, communication and technology, trust and synergy respectively. This KM portal is located at http://www.dusit.ac.th/kmarit/. ThisKM portal web site collected information to support learning/sharing and serving knowledge.
1.2 The evaluation of KM portal showed that currently ARIT was at a high level of learning organization (3.53) in perspective of communication and technology, leadership, knowledge spiral, people, synergy and trust (3.72, 3.57, 3.52, 3.51, 3.46 and 3.41 respectively). Moreover, ARIT needed higher score to become learning organization (3.94) in terms of communication and technology, trust, synergy, knowledge spiral, people and leadership (4.15, 4.06, 4.00, 3.89, 3.82, and 3.73 respectively).
2. The results evaluation of current status of Rajabhat Universities as learning organization indicated of there were in the middle score level (3.10) in perspective of people, learning, organization, technology and knowledge (3.25, 3.11, 3.10, 3.07, 2.95). However, their needs to become learning organization shown in highly score level (4.25) in perspective of technology, people, learning, organization and knowledge (4.34, 4.27, 4.23, 4.22, 4.19 respectively)
3. There are five strategies for developing Rajabhat Universities to become learning organization 1) developing knowledge management plan to become learning organization 2) integrating learning organization into 5 sub-systems with TQA. 3) developing Rajabhat corporate identity and integrate with human resource development for supporting university academic 4) developing research and synthesize knowledge from local wisdom and 5) developing information technology systems for supporting learning organization.