การศึกษาเปรียบเทียบการคิดแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นปีที่ 1 สถาบันราชภัฏสุรินทร์ที่มีภูมิหลังแตกต่างกัน

A Comparative Study of Problem Solving of the Different Background Rajabhat Institue Surin First Year Students

Name: กรรณิการ์ จินากูล

Address: 609/12 ถ.คชสาร ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000

Organization : สถาบันราชภัฏสุรินทร์. คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

keyword: การศึกษาเปรียบเทียบ

Classification :.DDC: 153.4

; การคิดแก้ปัญหา

Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดจำแนกรูปแบบการคิดแก้ปัญหา ที่นักศึกษาใช้ในการแก้ปัญหาวิเคราะห์ความบกพร่องของการคิดแก้ปัญหา รวามทั้งเปรียบเทียบความแตกต่างของรูปแบบและความบกพร่องในการคิดแก้ไขจปัญหาระหว่างนักสึกษาที่มี เพศ อายุ และแผนการเรียนระดับมัธยมศึกษาแตกต่างกัน ตังอย่างที่ใช้ในการวิจัยจำนวน 62 คน ที่สุ่มจากนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ที่เข้าเรียนหลักสูตรปริญญาบาตรี 4 ปี ของสถาบันราชภัฏสุรินทร์เมื่อตอนต้นปีการศึกษา 2541 ได้รับการกำหนดให้แก้ปัญหาจากเกมปริศนาในกลุ่มเกมเถรอดเพลจำนวน 8 เกม ข้อมูลที่รวบรวมได้จากการสังเกตพฤติกรรมของตัวอย่างระหว่างแก้ปัญหาจากเกมปริศนา และจาการสัมภาษณ์ ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลภูมิหลัง รูปแบบการคิดแก้ไขปัญหาที่ใช้ และความบกพร่องของการคิดแก้ไขปัญหาเป็นรายเกม ทั้งวิธีการแก้ปัญหาและการทำย้อนกลับถูกนำมาแจกแจงความถี่ คำนวณค่าร้อยละ วิเคราะห์ค่าเฉลี่ยและความเบี่ยงเบนมาตรฐานเพื่อทราบถึงรูปแบบและระดับความบกพร่องของการแก้ปัญหา ก่อนนำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบระหว่างกลุ่มที่มีภูมิกหลังแตกต่างกันโดยใช้สถิติทดสอบ ( t- test ) ผลการวิจัยพบว่าตัวอย่างซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุระหว่าง 18 – 19 ปี และร้อยละ 70 เป็นผู้ที่เลือกเรียนในแผนการเรียนที่เน้นวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ในระดับมัธยมศึกษามาก่อน มีรูปแบบการคิดแก้ปัญหาแยกตามขั้นตอนการคิดแก้ปัญหา คือ ( 1 ) ในขั้นพิจารณาปัญหาตัวอย่างจะใช้ข้อมูลจากการับฟังคำอธิบายเป็นหลักในการวิเคราะห์ปัญหา มีการซักถามน้อยมากหรือไม่ถามเลย แม้ว่าจะวิเคราะห์ปัญหาไม่ได้เลยก็ตาม ( 2 ) ในขั้นตั้งสมมุติฐานขึ้นแก้ปัญหาตัวอย่างจะรับข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อช่วยในการตั้ง และคัดเลือกสมมุติฐานใหม่ ๆ ขึ้นแก้ปัญหาเพียง 1-2 ครั้ง แล้วมักจะประเมินว่าตนเองจะแก้ปัญหานั้นไม่ได้แล้ว ( 3 ) ในขั้นการทำย้อนกลับซึ่งเป็นการสรุปผลนั้น พบว่าหน่วยตัวอย่างที่แก้ปัญหาได้อาจไม่สามารถสรุปเหตุผลของการแก้ปัญหาก็ได้ ลักษณะความบกพร่องของการคิดแก้ไขปัญหาที่พบมีดังนี้ คือ ( 1 ) ตัวอย่างไม่สามรถสร้างหรือเลือกวิธีการแก้ปัญหาใหม่ ๆ ได้จากการประมวลประสบการณ์เดิมของตนเอง ( 2 ) แม้จะได้รับคำชี้แนะวิธีการแก้ปัญหาบางส่วนแล้วบางหน่วยอย่างก็อาขไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ( 3 ) หน่วยตัวอย่างเรียนรู้วิธีแก้ปํยหาด้วยตัวเองจากเอกสารที่เป็นคูมือได้ไม่ดีพอ จนไม่ส่ารถใช้คู่มือช่วยในการแก้ปัญหาได้ และ ( 4 ) แม้เมือมีการสาธิตวิธีการแก้ปัญหาให้ดู เพื่อให้ทำตามก็อาจมีบางหน่วยตัวอย่างที่ไม่สามารถทำตามได้ นอกจากนั้นยังพบว่า ในกรณีที่แก้ปัญหาได้แล้ว เมื่อต้องทำย้อนกลับในปัญหาเดิมนั้น ก็ยังพบความบกพร่องอยู่ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ไม่ว่าจะเป็นการเปรียบเทียบระหว่าง เพศ อายุ หรือแผนการเรียนระดับมัธยมศึกษา ผลการวิจัยดังกล่าวนี้ แสดงว่าการจะพัฒนาทักษะการคิดแก้ปัญหาได้เพียงพอที่ผู้เรียนจะนำไปประยุกต์ใช้ได้ ทั้งต้องมีกาฝึกฝนซ้ำคอนค่างมาก เพื่อให้ผู้เรียนสามารถสรุปเหตุผลของการกระทำได้อย่างแน่ชัด และมีทักษะยิ่งไปกว่านั้นการบรรบยายในชั้นเรียนยังมีความจำเป็นอยู่มาก ตราบใดที่นักศึกษายังไม่ได้รับการพัฒนาสมรรถภาพพื้นฐานการเรียน เฉพาะอย่างยิ่งการใช้ภาษาที่ดีในการอ่านเพื่อหาความรู้ได้ด้วยตนเอง

Abstract: The purposes of this study were to classify the types of problem solving strategies which students used to solve problems: to analyze the weaknesses in problem solving: and to compare the different types of the strategies and weakness in problem solving of students who different in gender, age and fields of study in secondary level. The samples of the study were 62 students sampling from the first year of 4-year-curriculum bachelor degree students of Rajabhat Institute Surin in 1998 academic year. The samples were assigned to solve 8 puzzle games in the group of “Tane Oat Pane” puzzle games. Data were collected from a behavioral observation when the puzzle games were generated by each sample and from an interview which consisted of background of the sample, strategy types in problem solving and weaknesses in problem solving strategies of each game. The strategies in problem solving and backward steps were analyzed in statistical approach of frequency, percentage, means and standard deviation in order to see the types of strategy and weaknesses of problem solving, then the data were compared between groups of student with different background using t-test. The results of the study were as follow: most of the samples’ gender were female with 18-19 year- of-age; 70% of the samples were students with scientific background when they were in the secondary level. The types of strategy in problem solving were: ( 1 ) In the step of recognition of the problem, the sample used information from an explanation as the main source for analyzing the problem. There was little or none of inquiry from the samples although they could not solve the problem. ( 2 ) In the step of hypothesis setting for problem solving, the sample received more information in order to help them classify new hypothesis only 1-2 times and then they made a decision that they could not solve the problems. ( 3 ) In the step of backwards for conclusion, it was found that the samples who could solve problem might be unable to conclude the reasons for problem solving.The weaknesses in problem solving strategies found were in all types of weaknesses mentioned : (1) The samples were unable to choose new problem solving strategies from their background Experiences. (2) Even though the samples got some suggestion on problem solving strategies, they could not use the strategies provided to solve the problems. (3) Learning to solve the problems from the manual, the samples were unable to use the manual effectively. And (4) even if there was a demonstration of how to solve the problem. some samples were asked to follow the steps. Moreover, the finding indicated that in case of successful problem solving, some samples were asked to repeat the steps backward, there were some weaknesses in backward strategies as in the weaknesses of forward strategies indicated. When a comparison was made on types and weaknesses of problem solving strategies in the groups of samples with different backward, there were no significant differences on the comparison of gender, age or field of study in the secondary level. The findings indicated that an effective development of skills In problem solving strategies of the students should be built deliberately through the process of thinking skill rather than reliving on the processes of general instructions and subject areas. There should be more repeated and the lectures in classroom was continually and important for student who could not develop the basic skills in language use.

มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์

Address: สุรินทร์

Name: สถาบันราชภัฏสุรินทร์

Role: ผู้ให้ทุนวิจัย

Created: 2543

Issued: 2548-08-26

งานวิจัย/Research report

application/pdf

ISBN: 9745593532

CallNumber: 153.4 ก17ก

tha

Grantor: มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์

©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	Title page.pdf	67.17 KB	157	2025-12-01 10:03:14
2	Abstract.pdf	176.06 KB	166	2022-07-04 14:47:02
3	Content.pdf	94.46 KB	113	2023-12-20 13:43:00
4	Chaptent 1.pdf	447.3 KB	226	2025-12-01 10:03:44
5	Chapter 2.pdf	1.11 MB	269	2024-05-24 19:42:21
6	Chapter 3.pdf	317.7 KB	161	2022-07-04 14:47:12
7	Chapter 4.pdf	681.48 KB	145	2022-07-04 14:47:15
8	Chapter 5.pdf	382.69 KB	120	2022-07-04 14:47:17
9	Bibliography.pdf	139.89 KB	118	2022-07-04 14:47:19
10	Appendix.pdf	232.68 KB	167	2023-06-23 08:39:42
11	Biodata.pdf	52.34 KB	95	2022-07-04 14:47:26

ใช้เวลา

0.04133 วินาที