แจ้งเอกสารไม่ครบถ้วน, ไม่ตรงกับชื่อเรื่อง หรือมีข้อผิดพลาดเกี่ยวกับเอกสาร ติดต่อที่นี่ ==>
หากไม่มีอีเมลผู้รับให้กรอก thailis-noc@uni.net.th
หากไม่มีอีเมลผู้รับให้กรอก thailis-noc@uni.net.th
ดุสิต แซงรัมย์. การศึกษาสภาพการใช้และแนวทางป้องกันการใช้สารเสพติดของนักเรียน ในโรงเรียนนำร่องจัดการศึกษา 9 ปี สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดนครราชสีมา. ปริญญาโท(การบริหารการศึกษา). สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ. : มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา, 2545.
การศึกษาสภาพการใช้และแนวทางป้องกันการใช้สารเสพติดของนักเรียน ในโรงเรียนนำร่องจัดการศึกษา 9 ปี สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดนครราชสีมา
A Study of States and Protective Guidelines for Nacrotic Addiction of the Nine Year Initiative School Students under the Primary Education Office in NakhonRatchasima
Name: ดุสิต แซงรัมย์
keyword:
ยาเสพติดกับเยาวชน- -วิจัย
ThaSH:
ปัญหาสังคม
Classification :.DDC: 362.76
Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาสภาพของการใช้และแนวทางป้องกันการใช้สารเสพติดของนักเรียน และเปรียบเทียบแนวทางป้องกันการใช้สารเสพติดของนักเรียนใน โรงเรียนนำร่องจัดการศึกษา 9 ปี สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดนครราชสีมา จำแนกตามขนาดของโรงเรียน
ผู้ให้ข้อมูลในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหารโรงเรียน ครูผู้รับผิดชอบงานด้านสารเสพติด และนักเรียนโรงเรียนนำร่องจัดการศึกษา 9 ปี สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดนครราชสีมา ปีการศึกษา 2544 จำนวน 528 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็น แบบสอบถาม (Questionnaire) แบบตรวจสอบรายการ (Checklist) ชนิดมาตราส่วนประมาณค่า (Rating scale) 2 ชุด ชุดละ 50 ข้อ คือ แบบสอบถามสำหรับผู้บริหารโรงเรียน ครูผู้รับผิดชอบงานด้านสารเสพติด และ แบบสอบถามนักเรียนตัวแทนหัวหน้าชั้น ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 และคำถามปลายเปิด วิเคราะห์ข้อมูลโดย หาค่าความถี่ (Frequencies) ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย ( ) ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One way ANOVA) โดยกำหนดระดับความมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
ผลการวิจัยพบว่า
1. สภาพการใช้สารเสพติดของนักเรียนในโรงเรียนนำร่อง 9 ปี สังกัดสำนักงาน การประถมศึกษาจังหวัดนครราชสีมา ตามข้อมูลของผู้บริหาร ครูผู้รับผิดชอบงานด้าน สารเสพติด และนักเรียน พบว่า มีการใช้สารเสพติดร้อยละ 26.30 โดยมีการใช้บุหรี่มากที่สุด ส่วนสาเหตุการใช้สารเสพติดส่วนใหญ่ จะมีสาเหตุมาจากการชักชวนของเพื่อน และปัญหาการแพร่ระบาดที่สำคัญ ได้แก่ นักเรียนนำเข้ามาเอง โดยส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนชาย และการใช้สารเสพติดของนักเรียนเป็นกลุ่มที่ใช้เป็นครั้งคราวมากที่สุด
2. แนวทางการป้องกันการใช้สารเสพติดของนักเรียน ในโรงเรียนนำร่องจัดการศึกษา 9 ปี โดยรวม อยู่ในระดับมากเรียงลำดับตามค่าเฉลี่ยจากมากไปน้อยได้แก่ การสำรวจจำนวนนักเรียนเพื่อจำแนกกลุ่ม ( = 4.28) รองลงมาได้แก่ ด้านการจัดกิจกรรมโรงเรียน สีขาว ( = 4.25) การแก้ไขปัญหาโดยการผสมผสานมาตรการ ( = 4.20) การตรวจ สุขภาพของนักเรียนประจำปี ( = 4.19) และน้อยที่สุดได้แก่ ด้านการจัดกิจกรรมการมี ส่วนร่วม ( = 4.11) และเมื่อจำแนกตามกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามพบว่า ทั้งกลุ่มผู้บริหาร ครู และกลุ่มนักเรียน มีทัศนะอยู่ในระดับมาก สอดคล้องกับภาพรวม รายข้อ และรายด้าน
3. เปรียบเทียบแนวทางการป้องกันการใช้สารเสพติดของนักเรียน ในโรงเรียน นำร่องจัดการศึกษา 9 ปี ตามขนาดของโรงเรียนโดยรวม และรายด้าน พบว่า โรงเรียนขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ไม่แตกต่างกันที่ระดับ .05 แต่ในด้านการจัดกิจกรรม โรงเรียนสีขาวรายข้อการนิเทศ กำกับ ติดตาม การดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ และ การประกาศ ประชาสัมพันธ์ว่าโรงเรียนได้เข้าโครงการโรงเรียนสีขาว พบว่า โรงเรียน ขนาดใหญ่ มีความแตกต่างกันกับโรงเรียนขนาดเล็ก อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และด้านการจัดกิจกรรมการมีส่วนร่วม รายข้อจัดกิจกรรมต้านสารเสพติด โดยให้ชุมชนมี ส่วนร่วมในการแก้ปัญหาสารเสพติด พบว่า โรงเรียนขนาดกลางมีความแตกต่างกันกับ โรงเรียนขนาดเล็ก อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
The objectives of the Thesis were to study the state and protective guidelines for narcotic addition of the nine - year initiative school students and to compare the protective guidelines of those school students.
The Thesis informants were 528 school administrators and the teachers handling the narcotic addiction work and the school students of the nine - year initiative schools, under the Primary Education Office in Nakhon Ratchasima, in the fiscal year 2001.
The Thesis instruments of data collection employed a checklist and two sets of questionnaires of rating scales with 50 items. One set was designed for the school administrators and teachers handling the narcotic addition working and the other set was designed for student representatives and class heads from Pratoom 5, and open - ended questions. Meanwhile, frequencies, percentage, means, standard deviation, and one - way ANOVA were used in data analysis when stating the statistically, significant difference at the .05 level.
The finding of the study showed that
1. Regarding to the attitudes of school administrators and teachers handling narcotic addition, and students, the state of narcotic addiction of the students in the nine-year initiative schools under the Primary Education Office in Nakhon Ratchasima revealed that there was narcotic addiction of 26.30 % by means of cigarettes. The main cause of narcotic addiction was that their friends tempted students. The main problem of narcotic addiction epidemic was that most of the boy students brought it in the abuse of narcotic drug of the students were those students of occasionally addictive groups.
2. General consideration, protective guidelines for narcotic addiction of students of the nine - year initiative schools were at the high level. Ranging according to the means were - first, the survey of student numbers to group them ( = 4.28); second, the activity management in non-narcotic drug school area ( = 4.25) third, the multi actions to solve the problem ( = 4.20) and finally, the student annual physical check - up. The least means were the organization of participatory activities ( = 4.11). Considering the respondent groups, it revealed that both the school administrators and teachers group and the student group showed their attitudes at the high level and in accordance with the general and specific consideration.
Comparing the protective guidelines for narcotic addiction of students in the nine - year initiative schools, in terms of school sizes, it was found that in the small, medium, and large size schools, there was no statistically, significant difference at the .05 level. However, in terms of organizing activities in non-narcotic addiction school area, supervising and following - up the planning strategy, and advertising the joining of the non-narcotic addiction school area program, it was found that in the large size schools and the small size schools, there was a statistically difference at the .05 level. Regarding the organizing of participatory activities, especially in organizing anti - narcotic drugs activities by allowing the community to help the narcotic addiction problem solving, it indicated that there was a statistically, significant difference at the .05 level between the medium size schools and the small size schools.
สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ
Address:
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
Name: ประหยัด ภูมิโคกรักษ์
Role:
ประธานกรรมการ
Name: วาสนา กังวาลเลิศ
Role:
กรรมการ
Name: สมเกียรติ ทานอก
Role:
กรรมการ
Created:
2545
Modified:
2019-07-26
Issued:
2548-08-05
วิทยานิพนธ์/Thesis
application/pdf
ISBN:
9743161244
CallNumber:
362.76
tha
DegreeName: ครุศาสตรมหาบัณฑิต
Level: ปริญญาโท
Descipline: การบริหารการศึกษา
Grantor: มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
RightsAccess:
ใช้เวลา
0.058649 วินาที
ดุสิต แซงรัมย์
| Title | Contributor | Type |
|---|---|---|
| การศึกษาสภาพการใช้และแนวทางป้องกันการใช้สารเสพติดของนักเรียน ในโรงเรียนนำร่องจัดการศึกษา 9 ปี สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดนครราชสีมา
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ดุสิต แซงรัมย์ | ประหยัด ภูมิโคกรักษ์ วาสนา กังวาลเลิศ สมเกียรติ ทานอก | วิทยานิพนธ์/Thesis |
ประหยัด ภูมิโคกรักษ์
วาสนา กังวาลเลิศ
สมเกียรติ ทานอก